Media Entrepreneur WARUNEE NALINSUKSATIT (JEAB)

ประวัติส่วนตัว

“ชื่อ วารุณี นลินสุขสถิต ชื่อเล่น เจี๊ยบ ปัจจุบัน อายุ 51 ปี พี่มาจาก ครอบครัวธรรมดา ที่มีคุณพ่อเป็นคนทำงาน และดูแลทุกๆคนในบ้าน ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้าน พี่มีพี่น้องทั้ง 4 คน (รวมพี่ด้วย) ในด้านการศึกษา พี่เรียนจบการศึกษาระดับ ปวช.3 สาขาเลขานุการ

เนื่องจากที่บ้าน เรื่องของฐานะ ทางการเงิน ไม่ค่อยดี พี่เลยไม่ได้เรียนต่อ จนจบปริญญาตรี จึงได้พักการเรียนไว้ก่อน และตั้งใจหางานทำ เพื่อเอามาช่วย แบ่งเบาภาระ ที่มีในครอบครัว

ณ ปัจจุบัน พี่ทำธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง และครอบครัว ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับ Agency ที่รับทำโฆษณา ทุกรูปแบบ และรวมถึง รับทำงานด้านการจัดงาน Events ต่างๆ ทุกรูปแบบ แล้วแต่ความต้องการ ของลูกค้า ว่าต้องการให้งานที่ออกมานั้น เป็นไปในรูปแบบใด ซึ่ง ณ ปัจจุบันธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 14 แล้วค่ะ”

จุดที่เริ่มต้นของความคิดในการทำธุรกิจส่วนตัว

จุดเริ่มต้นในการคิด ทำธุรกิจส่วนตัว? เนื่องจากพี่โดนเลิกจ้าง จากงานประจำที่ทำอยู่ ขณะนั้นพี่มีความคิด เกิดขึ้นว่า สถานะของการเป็นมนุษย์เงินเดือน มันมีความกังวลสูงมาก ว่าเราจะอยู่รอดได้อย่างไร แต่ก็ยังกลับไปสมัครงาน เป็น sale เหมือนเดิม ซึ่ง ณ ตอนนั้น พี่ทำงานได้เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ก็ได้คำตอบว่า เราไม่อยากเป็นลูกจ้างอีกแล้ว

พี่จึงตัดสินใจลาออก และเดินหน้าเริ่ม ทำธุรกิจส่วนตัว เริ่มต้นจากการ ที่ไม่มีความรู้เรื่องอะไรเลย ในการทำบริษัทฯเช่น การจดทะเบียนนิติบุคคล การจดจัดตั้งเอกสารที่สำคัญต่างๆ กับทางราชการ เป็นต้น พี่ต้องเริ่มต้นใหม่ โดยการหาข้อมูลและเริ่มดำเนินการด้วยตัวเอง

พี่เริ่มต้นทำด้วยกัน กับน้องชาย ช่วยกันทำทุกอย่าง ฝ่าฟันทุกอย่างมาด้วยกัน  จนขยายธุรกิจมาเป็น agency และรับจัดงาน event มาจนถึงปัจจุบัน

ประสบการณ์ด้านการทำงานที่น่าจดจำที่สุด

“งานแรกที่เริ่มทำคือ พนักงานขาย การเริ่มต้น การเป็นพนักงานขายของพี่ ครั้งแรกในชีวิต พี่เริ่มต้นทำงานกับบริษัทฯข้ามชาติ ยักษ์ใหญ่ระดับหนึ่ง ในประเทศ(ขออนุญาติไม่กล่าวถึงบริษัทฯ) ซึ่งมีสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภค พี่ปฏิบัติงาน อยู่ในส่วนของ สินค้าบริโภคกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าประเภท ซอสมะเขือเทศ และ chocolate ซึ่งปัจจุบัน เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม เป็นอย่างมาก

ณ ตอนนั้นสินค้า ในแบรนด์นี้ทั้งสองตัวนี้ เพิ่งเริ่มเข้ามาในเมืองไทย จึงต้องการที่จะเปิดตลาด เป็นอันดับแรก พี่ได้รับหน้าที่ ต้องไปแนะนำสินค้า ในกลุ่มลูกค้า ซึ่งเป็นกลุ่มร้านอาหาร ในทุกๆวันพี่ต้องเข้าออฟฟิศ เพื่อเบิกตัวอย่างสินค้า เพื่อนำไปให้ลูกค้า ได้ทดลอง

ซึ่งในแต่ละครั้ง สินค้าตัวอย่างทั้งหมด จะมีน้ำหนักมาก ซึ่งตอนนั้น พี่เป็นพนักงานขาย ที่ไม่มีรถส่วนตัว ก็ต้องใช้รถประจำทาง ในการเดินทาง เป็นหลัก จึงค่อนข้างลำบากมาก กว่าที่จะได้ลูกค้า ให้ตรงตามเป้าหมาย ที่ตั้งไว้ ในแต่ละเดือน

เป้าหมายคือ ต้องเปิดลูกค้าใหม่ ให้ได้มากที่สุด ซึ่งวิธีการคือ ต้องเดินเข้าไปหาลูกค้า ในร้านอาหารทุกร้าน (จุดสำคัญต้องเป็นร้าน ที่ไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ๆ ที่เรารู้จักกัน ดังนั้นเป้าหมาย ก็จะเป็นร้านขายอาหารทั่วๆไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านเล็กๆ )

ในแต่ละครั้ง การเข้าไปเสนอสินค้า บางร้านก็ได้รับการตอบรับที่ดี บางร้านก็ไม่สนใจ อาจจะเป็นเพราะ ราคาสินค้าค่อนข้างสูง และยังเป็นยี่ห้อ ที่ไม่คุ้นหู หรืออีกอย่างสินค้า ยี่ห้อเดิมที่ใช้อยู่ ก็ใช้มานานแล้ว ไม่มีความคิดที่อยากจะเปลี่ยน

พี่ทำแบบนี้ อยู่น่าจะ 2-3 ปีได้ ในแต่ละวันที่พี่ ออกเดินทางเพื่อ ทำให้บรรลุเป้าหมาย มีผิดหวังบ้าง มีสมหวังบ้าง แต่พี่ไม่เคยท้อ เรื่องการถูกปฏิเสธ และการไม่ได้รับการต้อนรับ ไม่มีใครอยากเจอแต่มันหนีไม่ได้ แต่พี่ไม่เคยยอมแพ้ ซึ่งความรู้สึก ที่พี่ได้เจอในวันนั้น มันทำให้พี่ นำกลับมาใช้กับงาน ในวันนี้ได้ทุกๆ เรื่องที่ได้เจอจริงๆ”

เจ้เจี๊ยบ2

สิ่งที่ท้าทายในเรื่องของการทำงาน

“สิ่งที่พี่มองว่า เป็นเรื่องที่ท้าทาย ในเรื่องของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานในอดีต ที่เป็นพนักงานงานขาย หรือในปัจจุบันที่พี่ผันตัว มาทำธุรกิจเป็นของตัวเอง สิ่งที่ท้าทายสำหรับพี่คือ เมื่อพี่ต้องเจอกับ กลุ่มลูกค้าที่ไม่ซื้อสินค้าของเรา หรือให้ความสนใจน้อยมาก

สิ่งที่พี่ต้องคิดอันดับแรกเลยคือ จะต้องหาข้อบกพร่อง หรือข้อที่ด้อยของเราก่อน ว่ามันมีอะไร และมันเกิดจากอะไร หลังจากนั้นก็รีบ วางแผนให้เร็วที่สุด เพื่อรีบนำเสนอ ให้ลูกค้าได้พิจารณาใหม่ หรืออีกทางก็คือพยายามหาสินค้าที่ตรง กับความต้องการ ของลูกค้า ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ได้ลูกค้าค่ะ”

คำแนะนำที่ดีที่สุดที่ได้รับคืออะไร

“ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จากประสบการณ์ ทั้งชีวิตของพี่ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึง ทุกวันนี้ มีเรื่องราวมากมาย ที่เกิดขึ้นกับพี่เอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องครอบครัว หรือแม้กระทั่งคนรอบข้าง หลายๆครั้งการแก้ปัญหา หรือแนวทางในการใช้นำทางของชีวิต คือ พี่ต้องจัดการกับตัวเอง และพัฒนาจิตตัวเอง ให้เข้มแข็งและมั่นคงให้มากที่สุด

ไม่ว่าระหว่างทาง ที่พี่ต้องพบเจอกับ อะไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ พิสูจน์ให้พี่เห็นได้ว่า ตัวเองนี่แหล่ะ ที่เป็นที่พึ่งที่แท้จริง อย่าคิดหรือไปคาดหวัง กับคนอื่นๆ ที่จะให้เค้าเหล่านั้น มาช่วยแก้ปัญหา หรือมาช่วยแบ่งเบา กับสิ่งที่เรา ต้องพบเจอ ตัวเราเอง นี่แหล่ะสำคัญที่สุดแล้ว”

หากย้อนเวลากลับไปได้จะกลับไปแก้ไขอะไร

“ถ้าถามเรื่องการย้อนเวลา ถ้ามีโอกาส พี่ไม่ขอที่จะแก้ไขอะไรเลย คือต้องบอกแบบนี้ว่า พี่ต้องขอบคุณทุกๆประสบการณ์ ทุกๆความผิดพลาดที่เจอ และทุกๆคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทั้งที่ยังอยู่และ ได้ห่างหายกันไปแล้ว ทุกๆเรื่องราวที่ได้พบเจอ พี่มองว่า ถ้าหากไม่มีสิ่งเหล่านี้ พี่คงไม่มาจนถึงวันนี้ และเป็นอย่างทุกวันนี้ได้”

สิ่งที่ชอบทำและรู้สึกผ่อนคลายที่สุด

“พี่ชอบที่จะอยู่เงียบๆ คนเดียว ในพื้นที่ของตัวเอง อ่านหนังสือที่ชอบ เข้าห้องพระนั่งสวดมนต์ เพื่อให้จิตได้สงบอย่างเต็มที่ แค่นี้ก็มีความสุขแล้วค่ะ เหมือนได้เติมพลังงานชีวิต ให้กับตัวเอง

และตอนนี้พี่ ก็ได้มีโอกาส ทำกิจกรรม ที่ส่งเสริมทางด้าน สายการทำบุญ คือ การถักหมวกไหมพรม เพื่อนำไว้ถวายพระ ให้ท่านได้นำมาใช้ เวลาเข้าช่วงฤดูหนาว ซึ่งตอนนี้ก็ทำได้ หลายใบแล้ว เวลาที่พี่ นั่งถักหมวกไหมพรม พี่รู้สึกจิตใจมันสงบ และไม่คิดฟุ้งซ่าน มีความสุขมากค่ะ”

แนวความคิดที่ทำให้ประสบความสำเร็จทุกวันนี้

“ในเรื่องของความสำเร็จ ถึงแม้ทุกคน จะคิดว่าพี่ได้ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ในทุกวันนี้สำหรับพี่เอง คิดว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะยังมีหลายสิ่ง หลายอย่างที่พี่คิดว่า น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ชีวิตของคนเรามันต้องเรียนรู้ และพัฒนาอยู่เสมอ ในความสำเร็จที่เห็น ก็ยังมีจุดที่ต้องแก้ไข และปรับปรุงกันเสมอ

แต่ถ้าถามว่า แนวความคิดอะไร ที่ทำให้พี่มีวันนี้ได้ จนทุกคนมองว่า พี่มาไกลมากและประสบกับความสำเร็จแล้ว สิ่งที่ทำให้พี่ได้มาอยู่ในจุดนี้ ได้ก็คือ ความอดทน และมีสติอยู่เสมอ ในทุกๆย่างก้าว ของการกระทำ และพี่ระลึกอยู่เสมอว่า ไม่มีอะไรแน่นอน ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน แล้วมีอะไรก็ค่อยๆ แก้ไขกันไปอย่างมีสติ

ทุกคนล้วนมี เวลาที่เท่ากัน ขึ้นอยู่ว่าใคร จะมีวิธีในการจัดการ กับเวลาที่มีในชีวิต ของเรานั้นเอาไปทำอะไร หรือทำประโยชน์ ได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น การสร้างประโยชน์ ให้กับตัวเอง หรือเผื่อแผ่ไปให้คนอื่น ให้ได้รับโอกาสและทำให้ เค้าเหล่านั้นมีชีวิต ที่ดีขึ้นเมื่อเรามีโอกาส พี่ก็ไม่ลังเลที่จะทำค่ะ”

บทความที่เกี่ยวข้อง

พื้นที่ส่วนตัวมีอะไรบ้าง

พื้นที่ส่วนตัวมีอะไรบ้าง คำว่า “พื้นที่ส่วนตัว” โดยทั่วไปหมายถึง ระยะห่างทางกายภาพ ระหว่างคนสองคน ที่อยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อมทางสังคม ครอบครัว หรือที่ทำงาน แนวความคิดเรื่อง พื้นที่ส่วนตัว ของแต่ละคน นั้นเกิดจากช่องระยะห่าง ระหว่างร่างกาย ที่ไม่สามารถที่จะมองเห็นได้

แต่คุณจะสามารถ รู้สึกได้ถึงเอง ถึงความรู้สึกที่ ไม่ปลอดภัย หรืออึดอัดเมื่อคนอื่น เข้ามาใกล้จนคุณต้อง ต้องมีการเคลื่อนไหว โดยการถอยออกมา เพื่อทำให็รู้สึก ถึงความมั่นใจ และปลอดภัย ต่อสถานการณ์รอบตัว ในความสัมพันธ์

พื้นที่ส่วนตัวมีอะไรบ้าง

พื้นที่ส่วนตัวคู่รัก

พื้นที่ส่วนตัวระหว่างคนสองคน ในที่นี้หมายถึง คนที่เป็นคู่รักกัน ถึงแม้ว่าจะรักกัน หรือต้องที่จะใกล้ชิด หรืออยู่ด้วยกันมากแค่ไหน ทั้งสองคน ก็ต่างมีพื้นที่ส่วนตัว ที่เป็นของตัวเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะบางครั้ง ความต้องการก็อยู่เหนือเหตุผล ทำให้มองข้าม ความรู้สึก ของฝ่ายตรงข้าม

การเคารพสิทธิ และการให้เกียติ ซึ่งกันและกัน ไม่ก้าวก่าย และไม่มองข้าม ถึงความต้องการ ของอีกฝ่าย และเข้าใจถึงความสำคัญ ของพื้นที่ส่วนตัว ที่มีในความสัมพันธ์ จะยิ่งช่วยให้ ความสัมพันธ์นั้น มั่นคง

อ่านเพิ่มเติมเรื่อง พื้นที่ส่วนตัว ทำไมสำคัญต่อชีวิตคู่

พื้นที่ส่วนตัวครอบครัว

พื้นที่ส่วนตัวในครอบครัว ถึงแม้ว่า จะเป็นคน ในครอบครัวเดียวกัน ที่อยู่ด้วยกันมา ตั้งแต่จำความได้ พ่อแม่ พี่น้อง คุณอา คุณน้า เป็นต้น ยิ่งใกล้ชิดกันมาก เท่าไหร่ การเว้นระยะห่าง เพื่อให้แต่ละคนนั้น มีขอบเขตและ พื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง ในครอบครัว ยิ่งมีความสำคัญ

ความห่วงใย การเอาใจใส่ ความหวังดี เป็นสิ่งที่ดี แต่ในบางครั้ง ถ้ามันมากเกินไป จนบางครั้ง ไม่สามารถ ที่จะตัดสินใจ หรือเลือกทำในสิ่งที่ ตนเองต้องการ ไม่ได้เลยนั้น ก็ถือว่า เป็นการก้าวล้ำสิทธิ ความเป็นส่วนตัว ของชีวิตคนอื่น แม้ว่าจะเป็น คนในครอบครัว ก็ตาม

การปลูกฝัง ให้เห็นถึงความสำคัญ ของการให้ความเคารพ พื้นที่ส่วนตัว ของแต่ละคน ในครอบครัว โดยการทำเป็นตัวอย่างให้เห็น เพื่อแสดงออก ให้เห็นว่า พื้นที่ส่วนตัวนั้น มีความสำคัญ มากแค่ไหน ถือว่าเป็นบทเรียน ที่สามารถเห็นได้ ในชีวิตจริง ก็จะทำให้เกิด การซึมซับโดยธรรมชาติ

พื้นที่ส่วนตัวที่ทำงาน

พื้นที่ส่วนตัวในที่ทำงาน เก้าอี๊ หรือโต๊ะทำงาน อุปกรณ์การทำงาน คอมพิวเตอร์ เป็นต้น เมื่อเพื่อนร่วมงาน มีความต้องการที่จะขอใช้ คุณจะเกิดความรู้สึกทันที ถึงความไม่สบาย และไม่สะดวกใจ คุณจะรู้สึกถึง ความไม่ปลอดภัย กังวล เรื่องความไม่สะอาด หรือกังวลเรื่องกลิ่น เป็นต้น

นอกจากนั้น ในบางคนอาจจะมี อาการหวาดระแวง ถ้ามีคนมายืนอยู่ ข้างหลังในขณะที่ กำลังทำงานอยู่ จึงทำไห้ไม่มีสมาธิในการทำงาน พื้นที่และขอบเขต ของที่ทำงานเป็น เรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้คุณนั้น มีสมาธิจดจ่อ กับการทำงาน ได้มีอย่างมีประสิทธิภาพ

เสียงในที่ทำงาน งานที่ต้องใช้ ความคิดสร้างสรรค์ เมื่อมีเสียงคุยกัน หรือมีเสียงดัง สมองซีกขวา ที่ต้องใช้งาน ในด้านความคิดสร้างสรร ก็จะมีประสิทธิภาพลดลง เนื่องจากถูกรบกวน ดังนั้นการเคารพ และเข้าใจในเรื่อง ของความเป็นส่วนตัว ในพื้นที่ส่วนตัว ในที่ทำงาน จึงมีความจำเป็น

พื้นที่ส่วนตัวการเดินทาง

พื้นที่ส่วนตัวในสังคม ด้วยบางสถานการณ์ ที่บางครั้งไม่สามารถที่จะ หลีกเลี่ยงได้ มักจะเป็นสิ่ง ที่พิสูจน์ว่า พื้นที่ส่วนตัวสำคัญมาก อย่างเช่น บนรถโดยสาร ที่อัดแน่นไปด้วยคน เมื่อต้องอยู่ใกล้ๆกัน กับคนอื่นในแบบที่สัมผัส ได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่หายใจลดใส่หน้ากัน มันเป็นความรู้สึก ที่กระอักกระอ่วน น่าขนลุก

เมื่อต้องตกอยู่กับสถานการณ์ ที่ไม่มีทางเลือกแบบนี้ คุณจะทำทุกวิถีทาง ที่รักษาตำแหน่ง ของความเป็นส่วนตัวไว้ ให้ได้มากที่สุด อย่างเช่น หลีกเลี่ยงการสบตา ก้มต่ำมองเท้าตัวเอง ดูโทรศัพท์ จัดตำแหน่งการยืน ให้รู้สึกปลอดภัย ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เป็นต้น

บทส่งท้าย

พื้นที่ส่วนตัว คือบริเวณที่ทำให้เรานั้น รู้สึกปลอดภัย และสามารถพูด และทำในแบบที่ ตนเองต้องการ ได้อย่างสบายใจ เมื่อใดก็ตาม ที่เรารู้สึกว่า ได้ถูกก้าวล้ำขอบเขต บริเวณที่เป็น พื้นที่ส่วนตัวของเรา จนเรานั้นเริ่มรู้สึกว่า ไม่ปลอดภัย และอึดอัดต่อสถานการณ์ ที่เป็นอยู่

การแสดงออก ให้ฝ่ายตรงข้ามนั้น ได้เห็นและเข้าใจ จึงเป็นเรื่องที่ จำเป็นที่ จะต้องทำ อาจจะแสดงโดยคำพูด เพื่อให้เกิดความเข้าใจแบบชัดเจน หรือแสดงออกโดย อากัปกิริยา ทางร่างกายให้เค้าเหล่านั้น เข้าใจ โดยการถอยหลัง 2-3 ก้าว ให้เค้าได้เห็นว่า ควรที่จะหยุด และปรับเปลี่ยน วิธีการถ้ามีความต้องการ ที่จะสานต่อ ความสัมพันธ์กับคุณ

และตัวคุณเอง ก็ต้องแสดง ให้เค้าเหล่านั้น ได้เห็นและเข้าใจด้วยว่า นอกจากตัวคุณเอง ที่ให้ความสำคัญกั บพื้นที่ส่วนตัว ของคุณเองแล้ว คุณก็ให้ความสำคัญ กับพื้นที่ส่วนตัว ของคนอื่นเช่นกัน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

วิธีคลายความเครียด

0

ความเครียด เป็นพฤติกรรม ที่สามารถสร้าง ให้เกิดโรคเกิดการเจ็บป่วยได้ ถ้าปล่อยให้เป็นพฤติกรรมของความเครียด ที่สะสม ซึ่งบางครั้งก็รู้ตัว และไม่รู้ตัวก็มี ในบทความนี้มี  วิธีคลายความเครียด หลายๆวิธี ให้เลือกลองทำ ในแบบที่ชอบ และนำไปปรับใช้ ให้เกิดประโยชน์ กับตัวของเราเอง

ก่อนอื่นเรามา ทำความรู้จัก กับความเครียด กันก่อน  ความเครียด คืออะไร ความเครียด ก็คือ ลักษณะ อาการของการหดตัว ของกล้ามเนื้อ ของร่างกายบางส่วน ซึ่งจะเกิดขึ้น ทุกครั้งที่เกิดความคิด หรือ มีอารมณ์บางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้ ร่างกายจะมีอาการหดตัว และเกิดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ส่วนใดส่วนหนึ่ง

ซึ่งจริงๆแล้ว ความเครียด ก็มีทั้งประโยชน์และโทษ แต่ถ้าเรามีความเครียด ที่เป็นโทษมากเกินไป ก็จะเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพได้ อาการที่แสดงออก ให้เห็นว่ากำลังอยู่ ในภาวะของ ความเครียด ตัวอย่างเช่น หัวใจเต้นแรงและเร็วขึ้น การหายใจเร็วขึ้น แบบหายใจไม่ท่วมปอด รู้สึกถึงอาการ อาหารไม่ย่อย เหงื่อออกมากเป็นพิเศษ เป็นต้น

อาการดังกล่าวนั้น จะหายไปเองได้เอง หลังจากเหตุการณ์ตึงเครียดนั้น ได้ผ่านไป แต่ถ้าเราปล่อย ให้เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นอยู่เสมอ และไม่หาวิธี ที่จะทำให้ร่างกาย หรือความคิดของเรานั้น เกิดการผ่อนคลายลงบ้าง ก็จะกลายเป็นสิ่งที่อันตราย ต่อสุขภาพของตัวเราเอง ได้ในอนาคต

6 วิธีคลายความเครียด

วิธีคลายความเครียด

การออกกำลังกาย เพื่อคลายเครียด การออกกำลังกาย เป็นการใช้อวัยวะ ในร่างกายของเรา เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหว เชื่อกันว่า การออกกำลังกาย เป็นประจำจะทำให้ ความเครียดที่มีสะสม นั้นลดลงได้อย่างเห็นผล นอกจากนั้นยังช่วย ดูแลในเรื่องสุขภาพ ให้มีความแข็งแรง ได้ดีอีกด้วย

ในระหว่างที่เรา ออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการ ออกกำลังกาย ประเภทใดก็ตาม การจดจ่ออยู่ กับการเคลื่อนไหว จะทำให้ความคิด ของเรานั้นได้พัก และผ่อนคลายลง นอกจากนั้น การออกกำลังกาย ยังทำให้ระบบ หมุนเวียนของเลือดมีการสูบฉีด และส่งไปเลี้ยง ยังส่วนต่างๆของ ร่างกายได้ดี โดยเฉพาะสมอง

ซึ่งจะสังเกตุได้ว่า หลังจากที่เรา ออกกำลังกายเสร็จแล้ว ร่างกายของเรา จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สมองตื่นตัว ความรู้สึกปลอดโปร่ง และความกระตือรือร้น สดชื่น ก็จะกลับมา ทำให้รู้สึกตัวเบา สมองเบาและมีความสุข

วิธีคลายความเครียด

เซ็กส์ ช่วยคลายความเครียด การทำกิจกรรมบนเตียง หรือการมีเซ็กส์ ร่างกายจะมี การผลิตฮอร์โมนตัวนึง ที่เรียกว่า เอนโดรฟิน ออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งฮอร์โมนเอนโดรฟิน ตัวนี้จะทำหน้าที่ ช่วยในเรื่องของการ คลายเครียดได้เป็นอย่างดี และฮอร์โมนเอนโดรฟิน ก็ยังทำให้รู้สึก มีความสุขอีกด้วย

ฟังเพลง

ฟังเพลงที่ไม่มีเนื้อร้อง การฟังเพลงโดยเฉพาะเพลง ที่ไม่มีเนื้อร้อง อาจจะเป็น การบรรเลง โดยวงดนตรี หรือเป็นเพลงจากเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงนก เสียงน้ำตก เสียงทะเล เป็นต้น เป้าหมายคือต้องการ ให้สมองได้ผ่อนคลายความเครียด เพื่อให้สมองได้หยุดคิด

ดังนั้นถ้าเลือก ที่จะใช้การฟังเพลง เพื่อคลาย ความเครียดแล้วล่ะก็ จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเลือก ฟังเพลงที่ไม่มี เนื้อร้องเพื่อเราจะได้ ปล่อยใจไปกับจังหวะ ของเพลงได้ อย่างผ่อนคลาย และไม่ต้องคิดหา ความหมายของเนื้อเพลง ว่าเพลงเหล่านั้น มีความหมาย เป็นอย่างไร เพื่อให้สมองได้หยุดพัก อย่างเต็มที่

dark chocolate

ช็อกโกแลต ช่วยลดความเครียด สารอาหารที่อยู่ ในช็อกโกแลต มีคุณสมบัติ ในการช่วยลด ฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งฮอโมนคอร์ติซอล ตัวนี้นั้นเป็นชนิดของฮอร์โมน ที่ทำให้เกิดความเครียด เกิดความวิตกกังวล

นอกจากนั้น ในช็อกโกแลต ยังมีสารที่ช่วยเพิ่มฮอร์โมน แห่งความสุข สงบ อย่างเอ็นโดรฟิน และเซโรโทนิน โดยให้เลือกทาน ที่เป็นดาร์กช็อกโกแลต ที่มีส่วนผสมของน้ำตาล ในปริมาณที่น้อย โดยทานคำเล็กๆแค่ 1 คำ และปล่อยให้ค่อยๆละลาย ในปากอย่างช้าๆ

Take a nap

Take a nap งีบหลับซักพัก การนอนหลับ ถือว่าเป็น การพักผ่อนที่ดีที่สุด ยิ่งเฉพาะ ในช่วงที่มี ความเครียดจากการทำงาน สมองเริ่มล้า คิดงานต่อไม่ไหว แนะนำให้ลอง ปล่อยตัวปล่อยใจให้สบาย หลับตาลง ขอเวลาแค่ 5 นาที เวลาที่ตื่นขึ้นมา จะทำให้สมองรู้สึก ปลอดโปร่ง

ความเข้มงวด

ลดความเข้มงวด ในบางสิ่งบางอย่าง อาการของความเครียด บางอย่าง ก็มีต้นเหตุ มาจากตัว ของเราเอง กับเรื่องความเข้มงวด ที่มีกับตัวเอง “อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่เอา ทำแบบนี้ไม่ดี ทำแบบนั้นไม่ได้ “ลดและ ปล่อยวางลงบ้าง เพื่อทำให้ ชีวิตของเรา นั้นง่ายขึ้น

บทส่งท้าย

อย่างไรก็ดี เรื่องการรักษาสุขภาพ เปรียบเสมือนหน้าที่ ที่สำคัญที่เรา ต้องทำให้กับตัวของเรา เองเสมอ เพราะสุขภาพที่ดี และแข็งแรง ปราศจากโรคภัย ไม่มีใครเลย ที่จะสามารถทำให้เราได้ ถ้าตัวเราเองนั้น ไม่รู้จักที่จะสนใจ หรือใส่ใจเรื่องปัจจัยภายนอก ถ้าไม่ตายก็หาใหม่ได้ การใช้ชีวิตต้องอย่าประมาทนะคะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

โควิด 19 บทเรียนราคาแพง

โควิด 19 บทเรียนราคาแพง ช่วงจังหวะของชีวิต ที่เหมือนเป็นบททดสอบ ความอดทนกับการใช้ชีวิต ที่ต้องอยู่บนโลกใบนี้ เราเคยเห็นสถานการณ์ และเรื่องราวแบบนี้ ก็แต่ในหนัง ซึ่งตอนที่ดูหนัง ก็รู้สึกว่าสนุก น่าเร้าใจ น่าตื่นเต้น ลุ้นตลอดเวลา ว่าในที่สุดตอนจบของเรื่อง ทั้งหมดจะจบลงอย่างไร

ไม่เคยคิดเลยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น ในหนังนั้น มันจะเกิดขึ้นจริง ในสถานการณ์ ความเป็นจริงของชีวิต ของเรา เรียกได้ว่าใช้ชีวิตไปต่อ ไม่เป็นกันเลยทีเดียว มันไม่เหมือนในหนัง ที่เราพอจะรู้ได้ว่า ซีนต่อไปมัน จะเป็นอย่างไร เราสามารถที่จะเดา หรือคาดการณ์ได้ว่า อะไรจะเกิดต่อไป

แต่ในชีวิตจริง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลับตรงกันข้าม เราไม่สามารถรู้ หรือคาดการณ์ได้เลยว่า เหตุการณ์ต่อไป จะเป็นไปในรูปแบบไหน ทำได้ก็คือ ติดตามข่าวสาร ความน่าจะเป็น เพื่อเป็นการเตรียมตัว และนำมาปรับใช้ กับชีวิตของตัวเอง ซึ่งมันก็ดูเหมือน จะไม่มีอะไรที่ง่าย

โควิด 19 บทเรียนราคาแพง ที่แสนแพงและ แอบแฝงไปด้วยความเจ็บปวด ที่ซึมลึกลงสู่จิตใจ ระยะเวลาการเริ่มต้น ของไวรัส ได้เริ่มก่อตัวขึ้น กระจายออกไป และยังคงอยู่ อย่างไม่มีกำหนดระยะเวลา ที่แน่นอนว่าจะหายไป เมื่อไหร่ การเปลี่ยนแปลง และผลกระทบ ที่ส่งถึงมันช่างมากมาย มหาศาล

ผลกระทบจาก ไวรัสโควิด 19

โควิด 19 บทเรียนราคาแพง

ตกงาน เมื่อสถานการณ์เริ่มย่ำแย่ เศรษฐกิจ เริ่มไปต่อไม่ไหว หลายๆบริษัทฯ หลายๆโรงงาน ทยอยกันปิดตัว เนื่องจากแบกภาระ ไปต่อไม่ไหว หลายๆชีวิต ที่ต้องตกงาน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า จำนวนผู้ที่ตกงาน ในสถานการณ์โรคระบาดครั้งนี้ เยอะมากจริงๆ

บางคนตกงาน โดยที่ไม่ทันตั้งตัว บางคนอาจจะพอรู้ตัวบ้างว่า บริษัทฯกำลังอยู่ ในสถานการณ์ ที่ลำบาก การดำเนินธุรกิจคงไปต่อไม่ไหว และคงต้องปิดตัวลง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่มีใครที่ต้องการ ที่จะตกงาน และไม่มีงานทำ โดยเฉพาะในช่วง เหตุการณ์แบบนี้

หางานยาก เนื่องจากมีหลายกิจการ หลายๆธุรกิจปิดตัวลง คนที่ตกงานมีมากขึ้น ดังนั้นสำหรับคนที่ ตกงานและต้องการ ที่จะหางานใหม่ ในช่วงนี้ จึงมีความยากขึ้น เป็นหลายเท่าตัว เนื่องจากตัวเลือก ที่มีมากขึ้น เพราะคนว่างงานมีจำนวนที่มากขึ้น รวมถึง นักศึกษาจบใหม่ ในแต่ละปีก็รวมเข้ามาอยู่ ในสนามตัวเลือก

ลงสมัครหลายบริษัทฯ เขียนอีเมล์ ส่งเรซู่เม่ ก็หลายอีเมลล์ จนนับไม่ถ้วน บางคน มีโอกาสได้รับ การนัดสัมภาษณ์ รอบที่สอง รอบที่สาม ก็เดินทางไปสัมภาษณ์ เตรียมตัวทุกอย่าง สุดท้ายก็ไม่ได้งาน แต่ก็ต้องเดินหน้า หางานและสมัครงานกันต่อไป

ใบสมัคร

ที่แย่ไปกว่านั้น  ในช่วงนี้ที่มีคนว่างงาน ที่มีปริมาณมาก อาจจะมีแนวโน้มของการ ลดอัตราค่าจ้างให้ต่ำลง เพราะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ซึ่งบริษัทฯ ก็มองว่าเป็นการช่วย แก้ปัญหาอย่างหนึ่ง ในองค์กร ที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ได้อีกทางหนึ่ง ที่ยังไม่ต้องถึงขั้นปิดกิจการ

สภาพจิตใจที่หดหู่ เนื่องจากสถานการณ์ ในช่วงของการระบาด ของโรค ที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ปฏิบัติตัวเพื่อไม่ให้ อัตราการกระจาย ของโรคนั้น เกิดเป็นวงกว้าง หรือมีคนติดเชื้อมากขึ้น จึงมีมาตราการต่างๆ ออกมากเพื่อป้องกัน และพยายามสร้างความเข้าใจ ถึงอันตรายของโรค

เพื่อเป็นการรักษา และคงไว้ซึ่งสถานการณ์ ที่ไม่สร้าง ให้เกิดความตื่นตระหนก กับการเกิดขึ้นของ ไวรัสโควิด 19 มากเกินไป เมื่อทุกคนมีความเข้าใจ และไม่ตื่นตระหนก ไปกับสถานการ์ที่เกิดขึ้น ก็จะเป็นแนวโน้มที่ดี ในการขอความร่วมมือ เพื่อเป็นการควบคุมโรค ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความเข้าใจ ของคนเรานี่แหล่ะ สำคัญที่สุด เพราะปัจจัย ของการกระทำ มักจะเกิดขึ้นจาก ความเข้าใจของคนๆนั้น ที่มีว่าเป็นอย่างไร แต่ละคนก็จะประพฤติตัว หรือแสดงพฤติกรรม ที่แตกต่างกันออกไป

มุมมมอง

อาการหวาดระแวง ต่อบุคคลรอบข้าง เนื่องจากมีความคิดอยู่ในสมองเสมอว่า ในพื้นที่หรือบริเวณที่ต้องพบเจอคนอื่นๆ ในบรรดาคนเหล่านั้น จะมีคนป่วยปะปน อยู่บ้างหรือไม่ ทุกๆครั้งที่ต้องเดินทาง ออกไปข้างนอก ออกไปทำงาน หรือออกไปทำธุระ จะเต็มไปด้วยความรู้สึก ของการหวาดกลัว และกังวล อยู่ตลอดเวลา

ซึ่งเมื่อเราต้องอยู่ กับความรู้สึกแบบนี้ ในระยะเวลาที่นาน จนกลายเป็นพฤติกรรมสะสม ที่เป็นการทำร้าย ตัวเราเอง แบบไม่รู้ตัว เนื่องด้วยขาดอิสระภาพ ทางการใช้ชีวิต ที่ควรจะมีในแต่ละวัน

และในบางครั้ง ในการกระทำ และการแสดงออกของคนอื่น ที่อยู่รายลอบตัวเรา ก็นำมาซึ่ง ความกดดันได้ เช่น สายตา คำพูด มุมมองต่อโรคระบาด เป็นต้น

หลากหลายธุรกิจต้องปิดตัว ที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ บริเวณพื้นที่ ที่เป็นจุดท่องเที่ยว เป็นสถานที่ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว

ในสถานการณ์ โควิด 19 ได้ส่งผลกระทบต่อ ผู้ประกอบการ ในหลากหลายอาชีพ ที่ไปต่อไม่ไหว เนื่องจากปริมาณ ของคนที่ออกมา ท่องเที่ยว หรือออกมา เพื่อจับจ่ายใช้สอย นั้นเริ่มมีน้อยลง

หลังจากเหตุการณ์ เริ่มผ่อนคลายลงบ้าง ได้มีโอกาสเดินทาง ไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งก็พบว่า มีแต่ความเงียบเหงา เปรียบเสมือนเมืองร้าง ไม่มีผู้คนออกมาเดิน ในท้องถนน แม้แต่รถ ก็มีจำนวนน้อยมาก ที่จะมีให้เห็นตาม ท้องถนน

แม้แต่บริเวณถนนข้างทาง ซึ่งแต่ก่อนมีร้าน เปิดขายของมากมาย ก็ปิดตัวลงตลอด ทั้งแนวถนน ทำให้รู้สึกเหมือน เวลานั้นหยุดเดิน ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ทุกอย่างนั้นหยุด อยู่กับที่ แม้กระทั่งเรื่องอาหารการกิน ที่ก่อนจะมีโรคระบาด ไม่ว่าจะเดินไป ถนนเส้นใดก็ตามแต่ ไม่เคยต้องกังวล ว่าจะไม่มีอะไรทาน

ปิดกิจการ

แต่ในช่วงสถานการณ์ ที่โรคระบาด กลับเป็นเรื่องตรงกันข้าม ร้านอาหาร กลับกลายเป็น ปัญหาขึ้นมา เพราะโดยส่วนมาก ทุกร้านปิดการให้บริการ เราจำเป็น จะต้องหาข้อมูลว่า มีร้านอาหารใดบ้าง ที่เปิดให้บริการ หรือในพื้นที่ ดังกล่าวนั้น ได้มีการจัด จุดที่เป็นศูนย์รวม ในการจำหน่ายอาหาร และสามารถหาซื้อ ได้ที่ไหนบ้าง

แม้กระทั่ง ในห้างสรรพสินค้า ก็ยังได้ผลกระทบ ไม่สามารถ ที่จะเปิดให้บริการได้ทุกโซนสินค้า เพราะเจ้าของกิจการไม่สามารถ ที่จะเปิดให้บริการได้ เราจึงจะได้เห็นว่า ในห้างสรรพสินค้า ยังสามารถเปิดได้ แค่บางส่วนเท่านั้น รวมไปถึงร้านสะดวกซื้อ ที่มีสาขาย่อยๆที่มีอยู่มากมาย ตามท้องถนน ก็ปิดการให้บริการเช่นเดียวกัน

บทส่งท้าย

เหตุการณ์โรคระบาดในครั้งนี้ ส่งผลกระทบออกไป เป็นวงกว้าง ที่ทำให้หลายชีวิต ต้องพบกับช่วงจังหวะชีวิต ที่ยากลำบาก เปรียบเสมือนบทพิสูจน์ ว่าเรานั้นได้ใช้ชีวิต ของเราได้ดีแค่ไหน เรามีการเตรียมตัว เตรียมความพร้อม ให้กับชีวิตของเราให้ต่อสู้ กับสถานการณ์ ที่เลวร้ายได้มีประสิทธิภาพเพียงใด

ในครั้งนี้จะทำให้ ทุกๆคนนั้นได้รับรู้ และมีสติมากขึ้นกว่าเดิม ว่าชีวิตต่อจากนี้ เราทุกคนจะต้อง ไม่ประมาท ต่อสถานการณ์ และเหตุการณ์ต่างๆ ในอนาคต  การวางแผนให้กับชีวิตของตนเองล่วงหน้า เป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ในอนาคตข้างหน้า จะมีเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นได้อีกหรือไม่

แต่อย่างน้อยเหตุการณ์ในวันนี้ ก็ได้พิสูจน์ให้เราได้รู้แล้วว่า ต่อจากนี้ไปเราต้องการที่จะให้ชีวิตของเรานั้น เป็นไปในทิศทางใด ถ้าจะต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้อีกในอนาคตข้างหน้า ดังนั้นเมื่อประสบการณ์มีแล้ว เรียนรู้ และเตรียมความพร้อมเสมอ อย่าชะล่าใจ

โควิด 19 เราต้องรอด

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องของการนอกใจ

ความรักเป็นเรื่อง ที่สวยงาม ส่วน เรื่องของการนอกใจ เป็นเรื่อง ที่เจ็บปวด และไม่ว่าใคร ก็ไม่อยากที่ จะต้องพบเจอ กับเรื่องแบบนี้ เมื่อมีความรัก แน่นอนมันต้องมี ความจริงใจ และซื่อสัตย์ให้แก่กัน เมื่อคนสองคนรักกัน และตัดสินใจที่จะคบกัน หรืออยู่ด้วยกันแล้ว มันก็ต้องเชื่อกัน ได้ใช่หรือไม่

ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาหรือ อุปสรรคอะไร ก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้น ในระหว่างเส้นทาง ของความรักของคนทั้งคู่ เมื่อมีความรักให้กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ที่หนักหนาแค่ไหน มันก็ยังมีกำลังใจ ที่จะสู้และพร้อมที่จะอดทน กับปัญหานั้นๆ ไปด้วยกัน แต่มันจะมี เพียงเรื่องเดียว เท่านั้นที่มัน ไม่สามารถที่จะ ยอมกันได้นั่นก็คือ เรื่องของการนอกใจ นั่นเอง

อะไรคือปัจจัยที่ทำให้เกิด การนอกใจ

เรื่องของการนอกใจ

ปัจจัยแรก ที่สำคัญมาก ที่สุดเลยก็เลย คือ นิสัยความเห็นแก่ตัว เพราะเป็นพื้นฐาน ของตัวบุคคล ที่เป็นลักษณะที่ติดตัว ที่ส่งผลต่อความคิด ในเรื่องของการนอกใจ ต่อคนที่คบหากัน อยู่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่จะต้องเอามาทำให้ เป็นเรื่องราวที่เป็นปัญหา แค่การหาความสุขชั่วคราว ไม่ได้คิดมีความคิด ที่จะจริงจัง

ความเห็นแก่ตัว ที่ทำจนเคยชิน ซึ่งไม่ได้สนใจ ความรู้สึกของคน ที่ตนเองกำลัง คบหากันอยู่ และแม้กระทั่ง คนที่แอบไปมีความสัมพันธ์ด้วย ก็ไม่ได้มีความรู้สึก ถึงความละอายต่อคนอื่น แต่กลับโยง เข้ามาเป็นเรื่อง ที่สำคัญสำหรับตัวเอง เมื่อถึงเวลา ที่ถูกจับได้ว่า กำลังมีพฤติกรรมการ ที่ไม่สมควร

ข้อแก้ตัว หรือข้ออ้าง ที่เลือกมาทั้งหมด ล้วนเกิดขึ้น เพราะคนอื่น ทำให้ตัวเอง ต้องทำแบบนี้ ไม่ได้คิดหรือสำนึก เลยว่ามันเกิด เรื่องราวแบบนี้ได้ มันเป็นเพราะตัวเอง ที่ไม่คิดถึง ความผิดชอบชั่วดี ไม่คิดถึงผล ที่จะตามมาหลังจาก การกระทำ ทั้งหมดของตัวเอง

sad alone

คนที่คิดแบบนี้ มีมากอยู่ในสังคม เพราะปัจจุบัน คนเห็นแก่ตัว มีมากขึ้นทุกวัน ทุกคนก็ล้วนแต่ ไขว่คว้าเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ จนบางครั้งลืม ที่จะสนใจคนอื่น จนสุดท้าย ก็ต้องอยู่โดดเดี่ยว เพราะๆไม่เหลือใคร

ปัจจัยอันดับสอง คือ ความสัมพันธ์ที่ไม่สมบูรณ์ ปัจจัยข้อนี้ ถือว่าเป็นปัจจัย ในการเกิดปัญหา โดยทั้งสองฝ่ายต้องเป็น ผู้ร่วมกันแก้ไข เพราะเมื่อไหร่ก็ตาม ที่บรรยากาศ ในการอยู่ร่วมกัน ไม่ทำให้รู้สึก ถึงความสุข หรือทำให้รู้สึกว่า ทุกอย่างเริ่มไปต่อ อย่างไม่ถูกที่ถูกทาง

ทำให้เกิดช่องว่าง ที่สร้างความสงสัย ในความสัมพันธ์ ของคนทั้งคู่ เมื่อเกิดช่องว่าง ในความสัมพันธ์ และเริ่ม ทำให้อีกฝ่ายใดฝ่านหนึ่ง เริ่มรู้สึก ไม่แน่ใจกับ ความสัมพันธ์ ที่กำลังมีอยู่ ดังนั้น การมองหาสิ่งใหม่ๆ หรือคนใหม่ๆ จึงมีโอกาสเกิดขึ้น ได้ง่าย

story2

การรู้จัก หน้าที่หรือ สิ่งที่ควรทำ ที่จะต้องช่วยกัน ดูแลความรู้สึก ในการอยู่ร่วมกัน เป็นสิ่งที่จำเป็น และมีความสำคัญ เพราะ เมื่อใดก็ตามที่ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีการบกพร่อง ในหน้าที่ หรือละเลย ต่อสิ่งที่ควรต้องทำ แน่นอนแนวโน้ม ที่จะทำให้เรื่อง ทุกอย่างแย่ลง ย่อมเป็นเรื่องง่าย

ในทางกลับกัน แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายเข้าใจ ในหน้าที่ของตัวเอง และทำหน้าที่ ของตัวเองได้ดี  เมื่อความสัมพันธ์ ของคนทั้งคู่มีความสุข และไม่มีช่องว่าง และคนทั้งคู่ รู้สึกสมบูรณ์ ในชีวิตคู่ ปัญหาเรื่องการนอกใจ ดังกล่าวก็จะเกิดได้ยาก

หรือบางกรณี อาจะเกิดขึ้นได้จาก บุคคลภายนอก ที่เข้ามายุ่งเกี่ยว หรือต้องการที่จะทำให้ เกิดปัญหา แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว ช่องว่างมันไม่มี ดังนั้นสิ่งนี้แหล่ะ จะเป็นสิ่งที่ป้องกัน ไม่ให้เกิดเรื่องราวที่แย่ๆ กับคุณทั้งคู่

ปัจจัยอันดับสาม คือ ปัจจัยจากบุคคลภายนอก ทำไมถึงมองว่า บุคคลภายนอก เป็นปัจจัยอีกหนึ่งอย่าง ที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่อง การนอกใจได้นั้น เนื่องจากว่า ในสังคมที่อยู่ร่วมกัน มักจะมีคนอีก ประเภทนึง ที่มีค่านิยมและ มุมมอง เรื่องการมีความรัก หรือการมีคู่ ที่เป็นในลักษณะ ชอบคนที่มีเจ้าของ

ดังนั้นคนประเภทนี้ จึงเป็นคนที่จะนำมา ซึ่งปัญหาในเรื่องของ มือที่สาม ที่เกิดจากความตั้งใจ และมีความสุข กับการที่ได้เห็น ครอบครัวของคนอื่น นั้นมีปัญหา แต่คุณรู้หรือไม่ว่า คนแบบนี้ จะไม่ได้สร้างปัญหา ให้กับครอบครัวใคร ได้เลย ถ้าครอบครัวนั้น มีความหนักแน่น และมั่นคง

ดังนั้นการป้องกัน การเกิดปัญหา จากปัญจัย บุคคลที่สามนั้น ป้องกันได้ โดยการสร้าง พื้นฐานให้กับคน ในครอบครัว ในเรื่องของความเชื่อใจ และศรัทธา กับความรักความผูกพันธ์ ที่มีให้กันภายใน ครอบครัว ที่ต้องมีความเข้มแข็ง และหนักแน่น เพื่อที่จะไม่ทำให้ เกิดช่องว่างสำหรับคนอื่น ที่จะมีโอกาสได้ เข้ามาสร้างปัญหา

story1

บทส่งท้าย

การใช้ชีวิตคู่ ไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าคนสองคน จะเรียนรู้ และปรับเปลี่ยน เพื่อให้เข้ากันให้ได้ เนื่องจาก มีพื้นฐาน ของความรักเป็นจุดเริ่มต้น และสุดท้ายก็ มีเป้าหมาย ที่ต้องการที่จะ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ต้องฝ่าฟัน มากมายหลายเรื่องราว

ช่วยกันสร้าง ช่วยกันคิด ผ่านประสบการณ์ ซึ่งมีทั้งเรื่องที่ดี และเรื่องที่เลวร้าย มาด้วยกัน จนมีวันของทั้งคู่ จนได้มาอยู่และ ใช้ชีวิตร่วมกันได้ ทุกเรื่องราว ทุกช่วงเวลา ล้วนมีความหมาย และความสำคัญทั้งนั้น

อย่าปล่อยให้ ใครก็ไม่รู้ ที่ไม่มีคุณค่า และไม่สมควร ที่จะเข้ามาทำลาย เรื่องราว ของการสร้าง ให้เป้าหมาย ที่คุณทั้งคู่นั้นมีร่วมกัน จนพังทลาย ลงไป เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอปปัญหา ให้ลองมองย้อน กลับในวันที่ คุณทั้งคู่ ได้เริ่มต้น และทำด้วยกัน มาทั้งหมด ว่ามันสำคัญ มากมายเพียงใด

เดินไปด้วยกัน

ปัญหาที่เกิด ไม่ว่ามันจะยิ่งใหญ่ มากน้อยแค่ไหน และเรื่องบางเรื่อง ถ้าไม่เกิดกับใคร ก็คงไม่มีทางเข้าใจ แต่ว่าถ้าคุณ ทั้งคู่ยังมีความรัก ให้กันและกัน ไม่เปลี่ยนแปลง พลังของความรัก และความศรัทธา ในกันและกัน จะทำให้คุณ ทั้งคู่นั้น ก้าวผ่านปัญหา ไปได้ด้วยกันได้ อย่างแน่นอน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ไม่อยากโดนเท ควรทำอย่างไร

ทำไมถึงโดนเท ไม่อยากโดนเท ควรต้องทำอย่างไร คำว่า โดนเท ในบทความนี้ ก็จะหมายถึง การโดนทิ้ง โดนบอกเลิก คนสองคนคบกัน เป็นแฟนกันมาหลายปี อยู่ดีๆ โดนเท บางคนรู้ถึงสาเหตุ บางคนไม่รู้ เพราะอาจจะมั่นใจ ในตัวเอง ไม่อยากโดนเท ควรทำอย่างไร

มีอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุ หรือพฤติกรรม หรือการกระทำ ที่จะทำให้ โดนบอกเลิก อะไรที่ต้อง ให้ความสำคัญและไม่ควร มองข้าม ถ้าคุณไม่ อยากเป็นหนึ่งในคน ที่โดนเท โดยไม่ได้ตั้งตัว อย่างน้อย การเตรียมตัว และเปิดใจยอมรับที่จะเข้าใจว่า ทำอย่างไร ให้ความสัมพันธ์ของเรานั้น ห่างไกลจากการโดนบอกเลิก

หรืออาจจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าคุณต้องการ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ ของคุณนั้นยั่งยืน และยาวนาน หรือคุณต้องการที่จะไปต่อกับคนของคุณ การปรับตัวและแก้ไข เพื่อไม่ให้ ความสัมพันธ์ถึงทางตัน จน ไม่สามารถไปไหน ด้วยกันต่อได้แล้ว รีบกลับมาแก้ไข และปรับเปลี่ยน ให้สถานการณ์มันดีขึ้น จะได้ไม่สายจนเกินไป

พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อ การโดนเท

แสดงความเป็นเจ้าของ

แสดงอาการความเป็น เจ้าข้าวเจ้าของ การแสดงออกแบบนี้ ไม่มีใครชอบแน่นอน ช่วงแรกๆอีกฝ่าย อาจจะรู้สึกดี รู้สึกเหมือนเป็นคน ที่สำคัญ แต่พอระยะเวลาผ่านไป ทุกคน มักจะเป็นเหมือนกัน คือจะรู้สึกรำคาญ เพราะจะเกิดความรู้สึกที่อึดอัด ไม่เป็นตัวของตัวเอง

นอกจากนั้น อาการแบบนี้ มันบ่งบอกให้เห็นถึง สถานการณ์ ให้คนอื่นที่มองเข้ามา อาจจะคิดได้ว่า คนทั้งคู่อาจจะ ไม่เชื่อกัน หรือไม่ก็ ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง ที่อาจจะไม่ซื่อสัตย์ หรือเกิดการนอกใจกัน เกิดขึ้นก็ได้ จึงทำให้อีกฝ่าย ต้องตามติดตัวตลอด

สุดท้ายก็ไม่สามารถ ที่สานต่อความสัมพันธ์ ต่อไปได้ เพราะฉะนั้น จะต้องรักษาระยะห่าง ให้มีความพอดี ตึงไปก็ไม่ได้ หย่อนไปก็ไม่ดี การเรียนรู้ และการปรับตัว เข้าหากันเป็นสิ่ง ที่สำคัญ อย่านึกถึง แต่สิ่งตัวเอง ต้องการมากจนเกินไป จนลืมสนใจ ความรู้สึกของคน ที่เรารักนะคะ

เอาแต่ใจ

แสดงอาการเด่นชัดในเรื่อง ความเห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ

ไม่มีใคร ที่จะชอบอยู่ กับคนที่เห็นแก่ตัว หรือเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง หรอกจริงมั้ย ไม่ว่าเค้าคนนั้น จะมีรูปร่างหน้าตาดี แค่ไหน มีองค์ประกอบภายนอก ที่ดูน่าสนใจ และน่าดึงดูด มากเพียวใดก็ตาม ถ้านิสัยภายใน แล้วเป็นคนที่ เห็นแก่ตัว นึกถึงคนอื่นน้อยมาก นอกจากตัวเองเท่านั้น ก็ไม่มีใคร ที่อยากจะอยู่ใกล้ กับคนแบบนี้

คนที่เห็นแก่ตัว ก็มักจะสร้างบรรยากาศ ให้กับคนที่อยู่ร่วมกัน มักจะมีความรู้สึก อึดอัดและรำคาญ นอกจากนั้นยัง สัมผัสได้ถึง ความไม่เท่าเทียมกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เริ่มคิดและ พูดในสิ่งที่ตัวเอง ต้องการแค่นั้น ไม่ว่าจะรักกันมากแค่ไหน ก็หนีไม่พ้น ต้องแยกย้าย ต่างคนต่างไป

คนที่นึกถึงแต่ตัวเอง เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ในการตัดสินใจ หรือการกระทำ ที่สอดคล้อง กับสิ่งที่ตัวเอง ต้องการเป็นส่วนใหญ่ ทั้งๆที่การกระทำ และการตัดสินใจนั้น ยังส่งผลกระทบ ต่อคนอื่นด้วย แต่กลับไม่สนใจ นั่นก็เป็นสถานการณ์ที่ทำให้อยู่ร่วมกับ คนอื่นได้ยาก

การเลือกทำ ในสิ่งที่ตัวเองชอบ และรักนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ผิด หรือน่ารังเกียจ เพียงแต่ว่า เมื่อใดก็ตาม ถ้ามีบุคคลอื่น เข้ามามีส่วนร่วม ด้วยแล้วนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ และให้ความสำคัญ อย่างน้อย ก็เป็นการสร้าง ความรู้สึก ว่าเรานั้นให้คุณค่า และความสำคัญ ต่อคนที่เรารัก

การวางแผน

ใช้ชีวิตแบบอยู่ไปวันๆ ไม่มีการวางแผน

ลักษณะการใช้ชีวิต และแนวคิด แบบนี้เรื่องใหญ่มาก เพราะเป็นเรื่องที่ ส่งผลให้อีกฝ่าย มองเห็นถึงอนาคต ที่คิดว่าจะมีร่วมกันว่า จะเป็นไปใน รูปแบบใด เมื่อความสัมพันธ์เริ่ม ไปได้ด้วยดี แน่นอน เรื่องการวางแผน อนาคตร่วมกัน ย่อมจะเป็นสิ่งที่ตามมา เพราะคงไม่มีใคร ที่ต้องการใช้ชีวิตแบบ ย่ำอยู่กับที่ และไม่คิดที่ จะทำให้ชีวิตนั้น ก้าวหน้า

การพัฒนา การเรียนรู้ การวางแผนชีวิต เพื่อทำให้เกิด การเจริญเติบโต และสร้างชีวิตให้มีคุณค่า  ถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญของทุกๆคน เวลาไม่เคย ที่จะหยุดเดิน ชีวิตทุกชีวิตต้องก้าวเดินต่อ ไม่สำคัญว่าคุณ จะเดินต่อไป คนเดียว หรือมีคนเดินอยูข้างๆ

ทุกช่วงเวลาสำคัญ ดังนั้นอย่าปล่อย ให้เวลาผ่านไป โดยปราศจากการเรียนรู้ และพัฒนาตัวเอง การวางแผนชีวิต จะยิ่งช่วยทำให้คุณ เห็นคุณค่าในตัวเอง เปรียบเสมือนของ ที่มีคุณค่า ย่อมเป็นสิ่งที่ ทุกคนต้องการ ดังนั้นไม่มีใคร ที่เลือกจะ ทิ้งของที่มีคุณค่า แน่นอน

บทส่งท้าย

การเริ่มต้นของความรัก บางคนอาจจะเริ่มต้น และพบเจอ กับความรักได้ง่าย แต่กับบางคน กว่าที่จะได้เริ่มต้น และพบเจอกับความรัก กลับกลายเป็นเรื่องที่ยาก และต้องใช้เวลา แต่คุณรู้หรือไม่ มันมีสิ่งที่ ยากยิ่งกว่า ก็คือ ทำอย่างไรที่จะรักษาความรักให้มั่นคง ไม่ล้มเหลว และประสบกับความสำเร็จ และความสุข

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

อาหารที่ช่วยบำรุงสายตา

0

เมื่อสายตา ถูกใช้งานมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็น จากการทำงานที่ต้องนั่งอยู่ หน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นเวลานานๆ การใช้งานสายตา ผ่านหน้าจอมือถือ ที่ต่อเนื่อง จนสายตารู้สึกเมื่อยล้า และเริ่มรู้สึก สายตาพร่ามัว ถึงเวลาแล้ว หรือยังที่ ดวงตา ของเรานั้นต้อง ได้รับการดูแล เริ่มต้นง่ายๆจากการทานอาหาร ที่เป็น อาหารที่ช่วยบำรุงสายตา

การสร้างวินัย เพื่อเปลี่ยนแปลง ในเรื่องการทานอาหาร ที่สามารถนำประโยชน์ ที่มีในอาหารนั้น ไปเสริมและสร้าง ให้ร่างกาย และอวัยวะต่างๆ นั้นมีความแข็งแรง มีสุขภาพที่ดีขึ้น ถือว่าเป็นการ แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะโรคบางโรค ที่เกิดขึ้น ในปัจจุบันล้วนแต่มีต้นตอ มาจากอาหาร ที่รับประทานเข้าไป เป็นส่วนใหญ่

12 ชนิด อาหารที่ช่วยบำรุงสายตา

อาหารที่ช่วยบำรุงสายตา 2

  1. ผักใบเขียว เช่น ผักโขม ผักบุ้ง ตำลึง กวางตุ้ง คะน้า เป็นต้น ผักเหล่านี้อุดมไปด้วยสารที่ สำคัญ อย่างเช่น ลูทีนและ ซีแซนทีน ซึ่งล้วนแต่ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชนิดหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติ ช่วยลดความเสื่อม ของจอประสาทตาและ ภาวะความเสี่ยงการเกิดต้อกระจกได้

ไข่แดง

2. ไข่ โดยเฉพาะ ไข่แดงเป็นแหล่งรวม ของสารอาหารลูทีน และซีแซนทีน และยังรวมไปถึง ซิงค์ อีกด้วย ซึ่งสารที่มีประโยชน์ ทั้งหมดนี้ จะช่วยลดความเสี่ยง ของการเสื่อม ของจอประสาทตา และยังทำให้ เซลล์ในส่วนอื่น ในดวงตานั้น แข็งแรงอยู่เสมอ

แครอท1

3. แครอท เป็นผักที่มี คุณประโยชน์ แครอท ถือว่าเป็นอาหาร บำรุงสายตา ที่ดีมาก อุดมไปด้วย เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ และลูทีนที่ช่วยดูแล สุขภาพดวงตาของคุณให้สดใส และแข็งแรงอยู่เสมอ ยังช่วยบำรุง กระจกตา ป้องกัน ไม่ให้เซลล์ดวงตาถูกทำลาย จากแสงแดดและรังสีอันตรายต่างๆ รวมถึงยังช่วย ส่งเสริมการทำงาน ของจอประสาทตา ไม่ให้ต้องเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร

avocado 2

4. อะโวคาโด เป็นผลไม้ ที่มีรสชาติ จืดๆไม่ค่อยมีรสหวาน แต่มีเอกลักษณ์ ที่เป็นของตัวเอง อะโวคาโด มีประโยชน์ในการบำรุงสายตาอย่างดีเยี่ยม เพราะอุดมไปด้วย สารอาหารที่ จำเป็น เช่น ลูทีน เบต้าแคโรทีน วิตามินบี 6 และวิตามินซี โดยสารอาหารเหล่านี้จะช่วยบำรุงสายตา ป้องกันอาการตามัว ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพดวงตา ที่เสื่อมลงไปตามวัย

almonds

5. อัลมอนด์ ในอัลมอนด์นั้น เต็มไปด้วย วิตามินอี ซึ่งช่วยชะลอ ความเสื่อมของ จอประสาทตาได้อย่างดี แค่ทานวันละหนึ่งฝ่ามือ ก็เท่ากับว่า ได้รับวิตามินอี เท่ากับปริมาณ ครึ่งหนึ่ง ที่จำเป็นในหนึ่งวัน ที่ร่างกายต้องการ แล้วเช่นกัน

ปลาแซลมอน

6. ปลาที่มีไขมันสูง จากการค้นคว้า ที่มีมากมาย พบว่า ปลาที่มีไขมัน ประเภทไขมันดีอยู่จำนวนมาก อย่างเช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน(มีวิตามินอีสูง) ปลาแมคเคอเรล ปลาแอนโชวี่ ปลาเทราต์ ปลาสวาย เป็นต้น เจ้ากรดไขมันเหล่านี้ จะให้ดวงตา ของเราชุ่มชื้น สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาอาการตาแห้ง แนะนำให้รับประทาน เพื่อทำให้ดวงตาของเรานั้นกลับมาสดใส และมีสุขภาพตาที่แข็งแรง

อาหารที่ช่วยบำรุงสายตา 3

7. พริกหยวก ในพริกหยวก มีวิตามินเอ และวิตามินซี ที่สูงมากซึ่งวิตามินเหล่านี้ เป็นวิตามิน ที่ช่วยบำรุงสายตาและยังช่วย ป้องกันดวงตาจากการถูกทำลาย โดยสารอนุมูลอิสระ อีกทั้งวิตามินซี ก็ยังช่วยป้องกัน การเกิดต้อกระจกได้อีกด้วย และในพริกหยวก ก็ยังมีวิตามินบี 6 ลูทีน ซีแซนทีน เบต้าแคโรทีน และไลโคปีน ซึ่งมีประโยชน์ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงต่อสุขภาพของดวงตา

ฟักทอง

8. ฟักทอง มีประโยนช์มากมาย เช่น บำรุงสายตา ดีต่อสุขภาพผิวพรรณ และช่วยดูแล ระบบย่อยอาหาร รวมถึงบำรุงตับใต และยังสร้าง เซลล์ใหม่ทดแทน เซลล์เก่า ที่ตายไปแล้ว และยังมีสารลูทีน ที่ป้องกัน การเสื่อมของจุดแสงสีของเรตินา และมีวิตามินเอ  ที่บำรุงสายตา

ผลไม้ตระกูลเบอรี่

9. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผลไม้ที่เป็นจำพวกตระกูลเบอร์รี่เป็นกลุ่มผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน เป็นแหล่งของวิตามินซี ที่มีประโยชน์ อย่างเช่น โกจิเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ เป็นต้น มีสารที่ สำคัญ อย่างเช่น สารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ช่วยบำรุงสายตา และยังช่วยป้องกันไม่ให้ เซลล์ของดวงตานั้น ถูกทำลายยังช่วยลดความเสี่ยง ในการเกิด ภาวะความเสื่อมของจอประสาทตาและลดการเกิดตาต้อกระจกได้

มะม่วง

10. มะม่วง เป็นผลไม้ ที่ช่วยบำรุงสายตา ที่อุดมไปด้วย วิตามินอี และวิตามินซี รวมถึงเบต้าแคโรทีน โดยเฉพาะมะม่วงสุข นอกจากจะมีรสชาติ ที่หวานอร่อยแล้ว ยังช่วยบำรุงดวงตา ให้แข็งแรงอีกด้วย

มะละกอสุข

11. มะละกอสุข  นอกจากจะมี รสชาติที่อร่อย และมีประโยชน์ ในเรื่องของการขับถ่ายแลัว มะละกอ ยังอุดมด้วยวิตามินเอ บี1 บี2 แคลเซียม และเบต้าแคโรทีน มีสารต่อต้าน อนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงสายตา ให้มีสุขภาพที่แข็งแรง

เครื่องดื่มชา

12. ชา เป็นเครื่องดื่ม ที่อุดมไปด้วย สารฟีโนมีนอล และสารต้าน อนุมูลอิสระ การดื่มชา เป็นประจำ จะช่วยทำให้สุขภาพ ของดวงตาแข็งแรง ช่วยชะลอ ความเสื่อม ของเซลล์ประสาทตา และช่วยลดภาวะของ ความเสี่ยง ในการเกิดโรค ตาต้อกระจกได้

บทส่งท้าย

อาหารที่มีอยู่ใกล้ตัว ที่มีประโยชน์ต่อสายตา อาหารที่ช่วยบำรุงสายตา มีมากมายที่เรา สามารถเลือกทานได้ ไม่ว่าจะเป็น ผัก หรือผลไม้ ซึ่งล้วนแต่มี รสชาติที่อร่อย และสามารถทานได้ง่าย ลองเลือก หามารับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี ของสายตา เพื่อช่วยป้องกัน และเสริมสร้างความแข็งแรง ให้กับดวงตาของเรากันนะคะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

NEUNGRUTAI CHAIYA (BELLE) R&B LAB Group Manager

จากคำสบประมาทและคำดูถูกที่ได้รับในอดีต ได้สร้างแรงบันดาล

ทำให้ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้

บันทึกการเดินทาง

“เบลเป็นคนจังหวัดเชียงราย ที่เติบโตมากับครอบครัว ที่มีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เบลมีพี่น้องด้วยกัน ทั้งหมด 4 คน ซึ่งเบลเป็นลูกคนโต (คุณพ่อกับคุณแม่ แยกทางไปทั้งแต่เบลเพิ่ง 3 ขวบ)  สมัยเด็กๆตั้งแต่ชั้นประถม จนถึงชั้นมัธยม เบลเป็นเด็กที่เด่นในด้านกิจกรรม แต่การเรียนของเบลไม่เคยตกเลย

โดยเฉพาะกิจกรรม ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ช่วยเหลือสังคม เบลชอบมาก ในสมัยตอน เรียนมัธยมปลาย เบลก็เป็นหนึ่ง ในสมาชิกของ องค์กรที่พิทักษ์ สิ่งแวดล้อมในจังหวัด

เบลเรียนจบ มัธยมปีศึกษาที่ 6 และผลคะแนนทำให้เบล เอ็นทรานส์ติดที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร เอกสังคมสงเคราะห์ เพราะเบลมีความใฝ่ฝัน อยากเป็นนักสังคมสงเคราะห์ พอเรียนจบและเบลกำลังเตรียมตัว เพื่อไปเรียนต่อ ทางบ้านก็เกิดปัญหาเรื่องการเงิน เพราะธุรกิจที่บ้านติดปัญหา เนื่องจากมีโรคระบาด จึงทำให้ไม่มีเงินที่ จะส่งให้เบลไปเรียนต่อ

ณ ตอนนั้น เบลไม่ต้องการ ที่จะเป็นภาระ ของทางบ้าน จึงได้ขอโอกาสที่ จะเข้ามาทำงาน ในกรุงเทพฯ ซึ่งในครั้งนั้นเบล ขอบคุณแม่มาก ที่ให้โอกาส เบลก้มลงกราบเท้าแม่ ด้วยรู้สึกขอบคุณ อย่างสุดซึ้ง และ สัญญากับแม่ว่า การไปกรุงเทพ ครั้งนี้ เบลจะไม่ทำให้แม่ ต้องผิดหวัง และเบล จะทำทุกวิถีทาง เพื่อช่วยเหลือทางบ้านให้ได้

เริ่มเข้ามาในกรุงเทพฯ ช่วงแรกๆก็หางานทำ แล้วก็สมัครเรียน มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อสานต่อความตั้งใจ ที่จะเรียนให้จบ งานที่ได้ทำ โดยได้รับการแนะนำ ให้ทำงานแรกคือ พนักงานเสิร์ฟ ในร้านอาหาร เบลทำต่อเนื่อง ประมาณ 1ปีเต็ม ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย จากนั้นมันเริ่มไปต่อไม่ไหว เบลก็เลยต้องเลือก ที่จะทำงานก่อน จึงทำให้จำเป็น ต้องหยุดเรื่องเรียนต่อ

สุดท้ายมีคนแนะนำ ให้เบลเข้ามาทำงาน ที่โรงแรม Sofitel  Silom เบลก็ลองไปสมัคร แล้วเบลก็ได้ทำงาน ในตำแหน่งแรกเลยคือ พนักงานเสิร์ฟ และเบลก็พัฒนาตัวเอง มาตลอด จนได้รับตำแหน่งเป็น  Bar Manager แต่หลังจากนั้น เบลตัดสินใจ ลาออกเนื่องจาก อยากลองเปลี่ยนงาน ไปทำในโรงแรมต่างๆ เพื่อสั่งสมประสบการณ์

แต่ในที่สุดก็ได้รับโอกาส กลับมาที่เดิม ในตำแหน่ง Food and Beverage Managerเพราะมีความรู้สึกผูกพันธ์ กับสถานที่และ เพื่อนร่วมงาน ซึ่ง ณ เวลานั้น จากโรงแรม Sofitel Silom  ได้เปลี่ยนเป็น โรงแรม Pullman Bangkok Hotel G ในปัจจุบัน และตอนนี้ เบลอยู่ตำแหน่ง R&B LAB Group Manager ที่เป็น ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวที่ดูแลและ จัดการร้านอาหาร ในโรงแรมและในเครือของกรุ๊ป จนถึงทุกวันนี้ค่ะ”

ประสบการณ์ด้านการทำงานที่น่าจดจำที่สุด เพราะอะไร

“เบลได้มีโอกาส เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และเปิดร้านอาหาร ที่เป็นสไตล์เดียวกันกับ Scarlett Wine Bar & Restaurant (Pullman Bangkok Hotel G) ที่ประเทศพม่า โดยใช้ชื่อว่า Babett (Hotel G Yangon) เบลได้รับหน้าที่ กับทีมงาน เพื่อไปเป็นผู้บุกเบิก และจัดระบบ เพื่อทำให้ร้าน Babett ที่ประเทศพม่านั้นสำเร็จ ตามนโยบาย ของผู้บริหาร ซึ่งเบล และหัวหน้าเชฟ เป็นผู้ขับเคลื่อนหลัก ที่ต้องทำงาน และตัดสินใจร่วมกัน

สิ่งที่ท้าทายคือ ในเรื่องการประสานงาน การถ่ายทอด และการ Set ระบบการจัดการทุกอย่าง ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความแตกต่าง ในเรื่องของภาษาที่ใช้ ในการสื่อสาร และพื้นฐานของการทำงาน ที่ต้องใช้เวลา และการทุ่มเท อย่างหนัก เพื่อทำให้ทุกอย่างสำเร็จ และปัจจุบันร้านอาหาร Babett ก็ถือว่า เป็นร้านที่มีชื่อเสียงและ ได้รับความนิยม ในเมืองย่างกุ้ง”

สิ่งที่จำเป็นต่อสถานการณ์ที่มีเปลี่ยนแปลง

“เราต้องปรับกลยุทธ์ ตลอดเวลา ให้ทันต่อสถานการณ์ อย่างเช่น สถานการณ์ ในปัจจุบัน ตลอดระยะเวลารวมๆแล้วประมาณ 9 ปี  ร้านอาหารของเรา ไม่เคยเจอ กับสถานการณ์ ที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ขนาดนี้ เราต้องดูคู่แข่ง ตลอดเวลา ว่า ณ ปัจจุบัน ได้มีการปรับเปลี่ยน และแก้ไขเป็นไป ในทางใดกันบ้าง เราต้อง สังเกตุเรื่องของ Trend ของลูกค้า ที่มีการเปลี่ยนแปลง

แม้กระทั่งด้านการเมือง รัฐบาลแต่ละยุค ที่ไม่เหมือนกัน ก็มีผลต่อธุรกิจ เราจึงต้องคอยติดตาม และ อัปเดตสถานการณ์ ตลอดเวลา อย่างเช่น ถ้าเริ่มมีข่าวหรือกระแส ของการเปลี่ยนแปลง ที่เกี่ยวกับ สายงานของเรา ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นจริง หรือไม่ ทีมงานของเรา ก็จะต้องมีการวางแผน เตรียมการไว้ทันที เพื่อรองรับกับเหตุการณ์ ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ด้านการตลาด การทำธุรกิจ ฝ่ายไหนสามารถที่จะ Take action ได้เร็วและทันกับสถานการณ์ ย่อมได้เปรียบเสมอ ต้องมีการวางแผน สำหรับอนาคต ให้ไกลไว้ก่อน เราต้องปรับตัว และสามารถทำงาน ภายใต้การเปลี่ยนแปลง ได้ตลอดเวลา”

Khun Belle4

ถ้าคุณย้อนเวลากลับไปได้คุณอยากที่จะกลับไปแก้ไขอะไร

“เบลอยากกลับ ไปเรียนหนังสือให้จบ เพราะเบลมองว่า การศึกษาเป็นสิ่งที่ ทำให้สังคมยอมรับ เบลมองว่า ในสังคมไม่ว่าจะเป็น ช่วงเวลาใดก็ตาม การศึกษา ยังคงเป็นปัจจัยหลัก ที่สำคัญเสมอ ต่ออนาคตของทุกๆคน ส่วนเรื่อง ประสบการณ์การทำงาน ถือว่าเป็นเรื่องรองลงมา

โดยเฉพาะกลุ่มคน ที่ไม่รู้จักกันด้วยแล้ว ไม่ว่าจะมี ประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน ความน่าสนใจ หรือแนวโน้มที่ จะตัดสินศักยภาพ หรือความสามารถ ของคนคนนึง ก็ยังคงอยู่ที่ กระดาษ 1 แผ่น การคาดหวัง ที่จะให้เค้าเหล่านั้นเข้าใจเรา มันจึงเป็นเรื่องที่ยาก ดังนั้นการศึกษาจึงสำคัญ 

เรื่องที่สำคัญมาก อีกหนึ่งเรื่อง ถ้าในชีวิตนี้ มีโอกาส เบลอยากกลับไป ให้ทันก่อน ที่จะสูญเสียแม่ ถ้าเป็นไปได้อยากกลับไปดูใจ และอยู่ด้วยกัน ในช่วงลมหายใจ สุดท้ายของคุณแม่ “

อะไรคือสิ่งที่คุณชอบทำและให้คุณผ่อนคลายที่สุด

“ในเวลาที่เบลมีเวลาว่าง เบลชอบที่จะ นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ ในห้องเงียบๆ ความรู้สึกผ่อนคลาย ของเบลคือ การได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง เพราะตลอดระยะเวลาชีวิตของเบลนั้น วุ่นวายตลอด ถ้ามีเวลาพักจริงๆ เบลจึงเลือกที่จะ ชอบอยู่คนเดียว จะมีมุมเงียบๆของตัวเอง

ได้อ่านหนังสือที่เบลชอบ หนังสือที่ชอบอ่านโดยส่วนมาก เป็นหนังสือแนว อนุรักษ์สังคม อนุรักษ์ธรรมชาติ เรื่องราวของผู้เสียสละ เพื่อช่วยเหลือสังคม ตัวอย่างเช่น หนังสือที่เขียนโดย อาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ และ คุณชาติ กอบจิตติ ซึ่งเป็นหนังสือที่เขียน เกี่ยวกับชีวะประวัติ ของ อองซานซูจี ที่ทุ่มเททั้งชีวิต เพื่อช่วยเหลือประชาชน ในประเทศของตนค่ะ”

แนวความคิดที่ทำให้ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้

“เบลเป็นคนที่สงสัย สิ่งที่เกิดขึ้น รอบตัวอยู่เสมอ และเบลเป็นคนที่รักในงานที่ทำ โดยเฉพาะงานปัจจุบัน เบลเป็นคนชอบมีเหตุและผล ในการทำงาน เบลมองว่า งานบริการเหมือนงานศิลป์ มันมีเหตุและผลเสมอ มันมีสเน่ห์น่าหลงใหล เช่น  แก้ว ทำไมต้องวางตรงนี้ ทุกตำแหน่งการจัดวาง มันมีเรื่องราว ให้น่าสงสัย และค้นหาคำตอบอยู่เสมอ

เบลเริ่มต้นการเข้ามาในวงการงานบริการ จากพนักงานเสริฟ ความสนใจของเบล มันมีขั้นมีตอน เบลเป็นพนักงานเสริฟก็จริง แต่เบลก็มีความตั้งมั่นที่จะต้องพัฒนาตัวเอง และสร้างความก้าวหน้าในสายงานที่ทำ เบลเริ่มมองถึงตำแหน่งอื่นๆ ที่สูงขึ้น ว่าเค้าเป็นกันอย่างไร เค้าทำกันอย่างไร พยายามศึกษา และนำมาพัฒนา ให้เป็นไปในแบบของตัวเอง และตั้งเป้าหมาย ด้วยการแข่ง กับตัวเองว่าปีนี้ เบลเป็นพนักงานเสริฟ ปีหน้าเบลจะเป็นกัปตันหรือ อีกประมาณ3ปี เบล จะต้องได้เป็น Supervisor

เบลชอบที่จะ ต้องพัฒนาตัวเองตลอด เบลเป็นคนที่ ถ้ารู้สึกว่าอิ่มตัว หรือเริ่มที่จะไม่มีอะไร ที่จะต้องเรียนรู้ เบลจะเริ่มจะรู้สึกเบื่อ เบลชอบทำงานที่มันยาก และท้าทาย กับความรู้ ความสามารถของตัวเอง อย่างเช่น งานที่เป็นงานโปรเจคใหม่ๆ อันนี้เบลจะชอบมาก โดยเฉพาะโปรเจคที่เบล ไม่มีความรู้เลย จะยิ่งชอบมากเป็นพิเศษ

การหาข้อมูล การหาความรู้เพื่มเติม ถามผู้ที่มีความรู้ เพื่อเพิ่มเติมในสิ่งที่เบลไม่รู้ มันน่าสนใจ เบลไม่เคยอายเลย ที่จะต้องถามในสิ่ง ที่ตัวเองไม่รู้ แม้กระทั่งผู้ที่อยู่ ใต้บังคับบัญชาก็ตาม เพราะเบลคิดเสมอว่า ด้วยจุดที่เบลยืนอยู่ การเป็นหัวหน้าคน จำเป็นที่จะต้องรู้  ให้มากที่สุด ในสิ่งที่ควรจะรู้  Get into it.”

ช่องทางในการติดต่อและเยี่ยมชมผลงาน Social Media Links: www.randblab.com

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

IF การลดน้ำหนัก สำหรับผู้หญิง

0

Intermittent Fasting หรือที่เราเรียก กันย่อๆว่า IF คือ การเลือกการอดอาหาร เป็นระยะเวลา ที่เป็นระยะๆ กำหนดวันต่อสัปดาห์ เพื่อควบคุมช่วงเวลา ในการทานอาหาร ซึ่งวิธีการอดอาหาร แบบนี้ เริ่มเป็นที่รู้จัก และเริ่มที่จะ มีคนเลือกที่ จะลองใช้วิธีนี้ เพื่อให้ช่วย ในเรื่องของ การลดน้ำหนัก

ซึ่งวิธีของ IF นั้นจะเป็นวิธี ที่จัดการกับอาหาร ที่ให้ผลดีของผู้ที่ สนใจเรื่องของ การลดนำหนัก ที่ค่อนข้างแตกต่างจากวิธี การลดน้ำหนัก ประเภทอื่น

IF เป็นวิธีการจัดการ กับช่วงเวลาที่ควร จะทานอาหาร วิธีการทานอาหารแบบนี้ จะเป็นการช่วย จัดการให้ร่างกาย ของคุณนั้น รับปริมาณ ของแคลอรี่ ในปริมาณที่น้อยลง และเป็นวิธี ที่มีผลในเรื่อง ของการลดน้ำหนัก ที่ลดความเสี่ยงต่อภาวะการ เป็นโรคเบาหวาน และโรคหัวใจได้

IF การลดน้ำหนัก

ลักษณะและวิธีการ ของการอดอาหาร ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปนั้น ผลประโยชน์ที่ได้ ในร่างกายของผู้หญิง จะได้ประโยชน์ไม่เท่ากันกับผู้ชาย ดังนั้น ลักษณะ ในการอดอาหาร สำหรับผู้หญิง จึงจำเป็นจะต้อง มีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้เกิดประโยชน์ให้ได้มากที่สุด

มีหลักฐานข้อมูลวิจัย ระบุว่าการอดอาหาร เป็นระยะๆตามช่วงเวลา อาจไม่เป็นประโยชน์ สำหรับผู้หญิงบางคน ผลที่ออกมาคือ การควบคุมน้ำตาล ในเลือดของผู้หญิงแย่ลง หลังจากเข้าสู่วิธีการอดอาหาร อย่างไม่ต่อเนื่อง เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ ซึ่งอาการแบบนี้ ไม่มีเกิดขึ้น ในผู้ชาย

นอกจากนั้น ยังมีในเรื่อง ของรูปแบบของ ประจำเดือน ของผู้หญิงในหลายๆคน ก็มีการเปลี่ยนแปลง หลังจากเริ่มเข้ากระบวนการอดอาหาร ด้วยเช่นกัน จึงสังเกตุได้ว่า ร่างกายของผู้หญิงนั้น มีความอ่อนไหว อย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลง ในร่างกายที่เกี่ยวข้อง กับเรื่องการ กำจัดแคลอรี่ ในร่างกาย

ดังนั้นจึงจำเป็น จะต้องมีแนวทาง ในการปรับเปลี่ยน วิธีการและช่วงเวลา ในการอดอาหาร ให้ดูไม่หักโหม จนเกินไป เช่น อาจจะใช้ระยะ เวลาในการอดอาหาร ที่สั้นลง รวมถึง จำนวนวันต่อ สัปดาห์ให้ มีระยะที่สั้นลง

วิธีการอดอาหารที่เหมาะสมกับผู้หญิง

สำหรับผู้หญิงแล้ว วิธีการในการเลือก การอดอาหารนั้น ควรจะต้องเป็นไป ในแบบค่อย เป็นค่อยไป เลือกการ อดอาหารแบบ ที่ร่างกาย ยังคงได้รับการ ผ่อนคลาย และไม่รุนแรง และไม่เหนื่อย จนมากเกินไป เช่น ระยะเวลาจำนวน ชั่วโมงที่ อดอาหารนั้นสั้นลง  รวมถึงวันที่ จะเลือกอดอาหารนั้น น้อยลง หรือ ทานอาหาร ที่มีแคลอรี่ ที่น้อยมาก ในวันที่อดอาหาร

  • วิธี Crescendo Method คือ การอดอาหาร ที่มีระยะเวล ตั้งแต่ 12-16 ชั่วโมง โดยกำหนดวัน 2-3 วันต่อสัปดาห์ อย่างเช่น อดอาหารวันจันทร์ เว้นวันอังคาร อดอาหารวันพุธ เว้นวันพฤหัส และอดวันศุกร์ เว้นวันเสาร์และอาทิตย์ ทานอาหารปกติ

IF การลดน้ำหนัก

  • วิธี Eat-Stop-Eat เป็นวิธีที่เลือก การอดอาหาร แบบเต็มที่ 24 ชั่วโมง โดยกำหนดเป็น สัปดาห์ละครั้ง หรือสองครั้งต่อสัปดาห์ หรืออาจะเริ่ม อดอาหาร จากกำหนดจำนวน 14-16 ชั่วโมงก่อน ก็ได้ แล้วค่อยเพื่ม จำนวนชั่วโมง ให้นานขึ้น จนครบตามโปรแกรม

Picture10

  • วิธี The Fast Diet (5/2) วิธีการ อดอาหาร แบบนี้คือ การเลือกจำกัด จำนวนของ แคลอรี่ให้เหลือ 25% (500 แคลอรี่) ต่อวัน โดยการ คำนวนจาก ปริมาณแคลอรี่ ที่มีในอาหารที่คุณ รับประทาน ตามปกติ โดยระยะเวลา ในการอดคือ 2 วันต่อสัปดาห์ ส่วนอีก 5 วันที่เหลือ ให้รับประทานอาหาร ตามปกติ

Picture10

  • วิธี Modified Alternate – Day  เป็นวิธีการ อดอาหารแบบ วันเว้นวัน โดยควบคุม ปริมาณแคลอรี่ จากปริมาณอาหาร ที่ทานในวันที่ อดอาหารนั้นอยู่ที่ ประมาณ 500 แคลอรี่ ส่วนในวัน ที่เว้นให้ทานอาหาร ได้ตามปกติ

IF การลดน้ำหนัก

  • วิธี Leangains Method (16/8) วิธีนี้คือ การอดอาหาร ทุกวัน วันละ 16 ชั่วโมง อีก 8 ชั่วโมงที่เหลือก็ให้ ทานอาหารที่มี ปริมาณแคลอรี่ ในปริมาณปกติ ในสำหรับผู้หญิง ให้เลือกการอด 14 โมงก่อนแล้วเมื่อร่างกาย เริ่มปรับได้ ค่อยเพื่ม จำนวนชั่วโมง

Picture9

บทส่งท้าย

สำหรับวิธีที่ดี ที่สุดสำหรับผู้หญิง และสำหรับผู้ ที่สนใจจะเริ่มทำ IF คือ วิธี The Fast Diet (5/2) วิธี Modified Alternate – Day และ วิธี Crescendo Method เพราะ วิธีการในการควบคุม  ในการอดอาหารนั้น ไม่รุนแรงมากจนเกินไป แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละคนเป็นหลัก

การทำ IF ลดน้ำหนักได้จริง แต่ไม่ได้เหมาะกับ ทุกคน สำหรับคน ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ควรที่จะอยู่ ใต้ความดูแล ของผู้เชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าคุณ สนใจจะเลือกวิธี ไหนก็ตาม การเลือก รับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ที่ ในช่วงวันที่ ไม่ได้อดอาหาร โดยการเลือกทานแคลอรี่ ที่ไม่มากจนเกินไป เพราะหากคุณ ทานแคลอรี่ ที่มากจนเกินไป ทานอาหารที่ไม่ได้ส่งผลดี ต่อสุขภาพมากเกินไป การทำ IF ของคุณก็จะไม่ได้ ส่งผลดีต่อสุขภาพของคุณแต่อย่างใด

บทความที่เกี่ยวข้อง

อาหารที่ช่วยบำรุงสมอง

เลือกทาน อาหารที่ช่วยบำรุงสมอง เพื่อสร้างสุขภาพ สมองที่มีคุณภาพ และแข็งแรง โดยการเลือก ทานอาหารที่มีประโยชน์ และส่งผลถึงสมอง ได้โดยตรง

โดยสารอาหาร ที่มีส่วนช่วยบำรุง สนับสนุนการทำงานของสมอง และชะลอความเสื่อมของสมอง ได้แก่ วิตามินชนิดต่าง ๆ วิตามินซี และวิตามินอี วิตามินเอ และโอเมก้า 3 ซึ่งมีอยู่ในอาหารหลายประเภท

ดังนั้นการเลือกทาน อาหาร การปรุงแต่ง โดยคัดสรร วัตถุดิบที่ดี และมีประโยชน์ และทำให้เป็น อาหารหลัก ในชีวิตประจำวัน ถือว่าเป็น การเลือกปฏิบัติ ที่ชาญฉลาดเพื่อเป็นการสร้างวินัย ที่ส่งเสริมคุณประโยชน์ที่ดีให้กับร่างกาย เหมือนกับที่มีคำพูดเคยกล่าวไว้ว่า “You are what you eat”

12 อาหารที่ช่วยบำรุงสมอง

ไข่ไก่

ไข่ไก่ มีโอเมก้า 3 และมีโปรตีน ที่มีส่วนช่วยบำรุง ให้สมองทำงาน ได้ดีขึ้น อีกทั้ง ยังช่วย พัฒนาระบบ การทำงานของสมอง และในไข่ไก่ ยังมีสาร “โคลิน ” ที่มีหน้าที่ สำคัญต่อการพัฒนาการ ทำงานของสมอง และความจำ และไข่ไก่ยังได้ ให้พลังงาน ที่อยู่นานหลาย ชั่วโมง ทำให้ไม่หิวบ่อยๆ และ การทานไข่ไก่ ยังไม่ต้องกังวล เรื่องโคเลสเตอรอลสูง อีกด้วย

ปลาแซลมอน

ปลาทะเลน้ำลึก จำพวกปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาแฮริ่ง เป็นต้น ในปลาจำพวกนี้ จะมี โอเมก้า 3 ที่ช่วย บำรุงสมอง ที่ช่วยในเรื่อง ของความจำ ทั้งยังช่วย ชะลอการเสื่อม ของระบบประสาท ส่วนกลาง ได้ดีอีกด้วย

ผักโขม

ผักใบเขียว โดยเฉพาะ ผักโขม ที่มีเอนไซม์ ที่ช่วยเพิ่ม ความแข็งแรง และฟื้นฟู บริเวณปลายประสาท เสริมความแข็งแรง ต่อตัว รับส่งข้อมูล ระหว่างเซลล์ประสาท รวมถึง ยังมีกรดโฟลิก ที่ช่วยบำรุง ในเรื่อง ของความจำ ช่วยลดอาการ ความจำเสื่อม  และช่วยรักษา สมดุลของน้ำ ในร่างกาย ได้ดีอีกด้วย

บลูเบอรี่

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ เชอร์รี่ ผลไม้เหล่านี้ จะช่วยให้การทำงาน ของระบบ หมุนเวียนโลหิต ที่ช่วย ในการ หล่อเลี้ยงสมองทำงาน ได้ดีขึ้น มีวิตามิน และสารต้าน อนุมูลอิสระสูง ช่วยเพิ่มความสามารถในการคิดที่ส่งผลต่อระดับไอคิวได้ดี และยังช่วยป้องกัน เรื่องการสูญเสียความจำ ได้อีกด้วย

มะเขือเทศ

มะเขือเทศ นอกจาก จะมีชื่อเสียง ในเรื่องประโยชน์ ที่ได้รับจากเรื่อง สุขภาพของผิวพรรณแล้ว มะเขือเทศ ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น อีกด้วยเช่นกัน เพราะในมะเขือเทศ จะมีสารไลโคปีน ที่มีประโยชน์ในการช่วยป้องกัน ไม่ให้เกิดอาการหลงๆ ลืมๆ และถ้าเรานำ มะเขือเทศ เข้าผ่านกระบวน ผ่านความร้อน ก็จะยิ่งทำให้ร่างกาย ได้รับประโยชน์จากสารไลโคปีนมากขึ้น

แอปเปิ้ล

แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ นอกจาก จะมีรสหวานอร่อย ยังมีประโยชน์ ที่ช่วยบำรุงสมองได้อีกด้วย เพราะในแอปเปิ้ล มีสารอะเซทิลโคลีน ซึ่งเป็นตัวควบคุม ความสามารถ ของการเรียนรู้ และการจำ การทานแอปเปิ้ล เป็นประจำ จึงช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง และให้มีผลดี ในเรื่องความจำนั่นเอง และยังช่วยชะลอ ภาวะสมองเสื่อมได้อีกด้วย

แปะก๊วย

แปะก๊วย เป็นอาหารที่มีชื่อเสียง ในเรื่องของ การบำรุงสมองมากๆ เพราะแปะก๊วยสามารถ ช่วยรักษาอาการผิดปกติต่างๆ ได้ เช่น โรคสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ โรคซึมเศร้า หรือแม้กระทั่งอาการหลงๆ ลืมๆ ก็ตาม เมื่อทานแปะก๊วยเข้าไปแล้ว จะเข้าไปช่วยให้ การทำงานของระบบไหลเวียนเลือด ที่ส่งขึ้นไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น

งาดำงาขาว

ธัญพืช และพืชตระกูลถั่วต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งาดำ งาขาว เมล็ดแฟล็กซ์ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เฮเซลนัท อัลมอนด์ ถั่วลิสง แมคคาเดเมีย และวอลนัท (ราชาแห่งถั่ว) ล้วนแล้วแต่มี ประโยชน์ทั้งสิ้น เพราะมีทั้งโปรตีนสูง วิตามินเอสูง รวมถึง กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ที่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และผ่อนคลาย

walnuts

และยังมีวิตามินอี ที่สำคัญต่อ กระบวนการคิดและจำ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยกระตุ้น สารอาหารสมอง อย่างแมกนีเซียม ที่จะเข้ามาช่วยเสริม การทำงานของ หลอดเลือด ทำให้เลือดไ ปเลี้ยงสมองได้ดียิ่งขึ้น

น้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอก เป็นไขมันชนิด ไม่อิ่มตัว ซึ่งจะช่วยให้ สมองปลอดโปร่ง และทำงานได้ดีขึ้น ทำไมถึงเป็นน้ำมันมะกอก เนื่องจากน้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันที่สกัดจากพืช ที่มีโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสมองในปริมาณที่สูง

อีกอย่างนำไป ผสมกับอาหาร ประเภทอื่นๆ เช่น ผักและผลไม้ ทำเป็นสลัด และทานเป็นประจำ ก็จะช่วยลดอัตรา การเป็นโรคความจำ เสื่อมหรือ หลงลืมได้ดี

ช็อกโกแลต

ช็อกโกแลต สามารถช่วยกระตุ้น การทำงานของ สมองได้ดี และยังให้ สารอนุมูลอิสระ ที่ช่วยให้ ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงาน ได้ดีขึ้นด้วย รวมถึง ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงาน ของสมองได้อีกด้วย  นอกจากนี้ ช็อกโกแลตยังผลิตสารเอ็นดอร์ฟิน และเซโทโรนิน ที่เป็นสารแห่งความสุข ในสมอง ทำให้อารมณ์ดี และส่งผล ทำให้สมองได้รับการผ่อนคลาย

แครอท

แครอท ถ้ารู้สึกอ่อนล้า เนื่องจากทำงาน หรือคิดงานหนัก มาตลอดทั้งวัน จนสมองเริ่มล้า ลองหาน้ำผัก หรือผลไม้สดทาน เพื่อสร้างความสดชื่น หนึ่งในผัก หรือผลไม้สด ที่สร้างความสดชื่น ได้ทันทีที่ดื่มคือ แครอทสด รับประทานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยกระตุ้น ให้มีความจำที่ดีได้

กระเทียม

กระเทียม จะช่วยให้กระตุ้น ให้สมองนั้นเกิด การสร้างสารเทโรนิน ซึ่งมีประโยชน์ ในเรื่องการที่ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ประสาทได้ดี และยังช่วย ทำให้ความจำดีขึ้น และสารบางตัว ในกระเทียมยังช่วย ให้อารมณ์ดีขึ้น พร้อมทั้งช่วยคลายเครียด ได้ด้วย

บทส่งท้าย

เป็นอย่างไรบ้างคะ อาหารที่ทาน แล้วมีประโยชน์ ต่อพัฒนาการ ของสมอง และยังช่วยใน เรื่องของความทรงจำด้วย จะสังเกตุได้ว่า มีอยู่รอบตัวเราเลยใช่มั้ย ดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองแล้ว ว่าจะเลือก ที่จะทำเพื่อเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขวิธีการทาน ของเราเป็นอย่างไร

สุขภาพที่ดีนั้น สร้างได้ด้วยตัว ของเราเอง ไม่มีใคร ที่จะช่วยเราได้ ถ้าเรานั้นไม่หมั่น ดูแลร่างกายและ สุขภาพของเราให้ปลอดภัย และให้ห่างไกลจากโรคภัย ต่างๆที่มีอยู่มากมาย เรามาเริ่มใส่ใจ และดูแลสุขภาพ ของเราให้แข็งแรงไปด้วยกันนะคะ ( อ้ออย่าลืมออกกำลังกายควบคู่ด้วยนะคะ )

บทความที่เกี่ยวข้อง