พฤติกรรมอันเป็นที่น่ารังเกียจ ที่มีอยู่ในธรรมชาติ ของมนุษย์หนึ่งอย่าง ที่มีอยู่ในคนทุกๆคนโดยส่วนมาก ที่ได้อยู่รวมกันในสังคม คือ นินทา นินทาหมายถึง การกล่าว ร้าย การพูดให้ร้ายลับหลัง หรือที่เราเรียกว่า นินทาลับหลัง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเสียหาย ให้กับผู้อื่น ให้เสื่อมเสียซึ่งชื่อเสียง เป็นต้น
เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมพฤติกรรมแบบนี้ จึงมีเกิดขึ้นอะไรที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ที่ทำให้เราเกิดพฤติกรรมเช่นนี้ และในทางกลับกันถ้าเราต้องตก เป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาและนินทา ไปในทางที่ไม่ดีเรานั้น ควรที่จะต้องทำอย่างไร
พฤติกรรมที่ทำให้มนุษย์ชอบการนินทาผู้อื่น
ความอิจฉา
คืออาการของความรู้สึกที่ เห็นคนอื่นนั้นดีกว่าตนเอง แล้วไม่พอใจ อยากมีหรืออยากเป็น เหมือนเขาบ้าง แต่ตนเองนั้นยังไม่สามารถที่จะทำได้ ความรู้สึกแบบนี้ มันเป็นอาการที่สั่งสม จากภายในที่เกิดขึ้น อย่างเงียบๆ ที่บางทีเราอาจจะยังไม่รู้ตัว เพราะมันน้อยมาก ที่จะมีคนยอมรับว่า ตัวเองนั้นเป็นคนที่ขี้อิจฉา
ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่มีหรือไม่เป็นเหมือนคนอื่น ที่เกิดขึ้นทำให้มองตัวเอง ไม่มีค่าในสังคม ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่มี โอกาศก็จะพยายามมองหาข้อ ที่อาจจะมองดูไม่ดี หรือข้อผิดพลาดของคนอื่น แล้วนำมาเป็นช่องทาง ในการพูดต่อขยายความ ไปในทางที่แย่กว่าเดิม เพื่อให้อีกฝ่ายนั้น ให้ดูมีข้อบกพร่องบ้าง เพื่อความสบายใจของตัวเอง
การเข้าร่วมสังคมการสังสรรค์
การรวมกลุ่มที่มี ตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยเฉพาะเป็นกลุ่มเพศเดียวกัน นอกจากพูดคุยกัน ในเรื่องราวของตัวเอง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน หรืออัฟเดตชีวิต และเรื่องจิปาถะอื่นๆแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นหัวข้อใหญ่ และจะขาดไม่ได้เลย คือการพูดถึงคนอื่น
การพูดถึงคนอื่น มักจะเป็นเรื่องราว ที่ยิ่งพูดก็ยิ่งสนุกปาก เหตุผลแรกคือ มันไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เหตุผลที่สองคือ คนที่ถูกพูดถึงไม่ได้อยู่ ณ ตรงนี้ ซึ่งเมื่อใดก็ตามถ้าคนที่ถูกพูดถึงนั้น เป็นคนที่คนที่ในกลุ่ม มีความรู้สึกที่ไม่ชอบด้วยแล้ว เรื่องที่คุยกันก็จะยิ่งได้อรรถรส มากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่า ฟังกันไม่ทันเลยทีเดียว
ความต้องการทำลายล้างสูง
หัวข้อนี้น่ากลัวหน่อย เพราะว่าการนินทา ที่เกิดขึ้นนั้น มาพร้อมเจตนาที่ชัดเจน ว่าต้องการ ที่จะทำให้อีกฝ่ายนั้น เกิดปัญหาและประสบ กับความยุ่งยากในชีวิต เป้าหมายที่มีของการกระทำ จึงเป็นผลลัพท์ ที่ค่อนข้างอันตราย ด้วยความตั้งใจที่มี มันจึงกลายเป็นพฤติกรรม ที่ต่อเนื่องและทำอย่างสม่ำเสมอ และจะทำเมื่อมีโอกาศ
ปราศจากความลังเล และทำไปอย่างอัตโนมัติ เพราะมีสภาวะที่อารมณ์อยู่ เหนือเหตุและผลทั้งปวง คนเหล่านี้น่ากลัว เพราะทุกๆคำพูด และทุกๆการกระทำ เกิดจากการใช้ความคิด และความตั้งใจว่า คนที่ตนเองกล่าวถึงนั้น ต้องได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน
มีเยอะนะคะในสังคม ยิ่งถ้าพฤติกรรมแบบนี้ เกิดขั้นกับกลุ่มคน หรือบุคคลที่มีอำนาจ อยู่ในมือด้วยแล้ว เรื่องเล็กๆก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และจะทำให้เรื่องดังกล่าว ซึ่งถีงแม้ว่าจะไม่มีเนื้อหาข้อมูล ที่เป็นความจริงเลย นั้นกลับกลายเป็นเรื่องที่ทุกคน ให้ความสนใจ และทำให้เรื่องดังกล่าว กลายมาเป็นเรื่อง ที่จริงขึ้นมาได้
วิธีการจัดการกับปัญหาเมื่อตกเป็นบุคคลที่เป็นเป้าหมาย
ไม่ใส่ใจและไม่ให้คุณค่า
คนเรามีปากเอาไว้พูด บางคนคิดก่อนพูด บางคนพูดโดยที่ยังไม่ได้คิด ดังนั้นคำพูดมันก็เหมือน ลมที่ออกจากปาก โดยเฉพาะปาก ของคนอื่น เราไม่สามารถที่ จะบังคับให้คนเหล่านั้น ต้องพูดถึงเราในแง่ ที่ดีอย่างเดียวได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันตัวเอง ที่จะไม่ทำให้เกิดความสะเทือนใจ หรือเสียใจต่อ คำพูดของคนอื่น เราต้องไม่ใส่ใจ และไม่ให้คุณค่ากับคำพูดนั้นๆ
เราต้องคิดอยู่เสมอว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็แล้วแต่ ไม่ว่าใครจะพูด ถึงเราเลวร้ายมากน้อย เพียงใด ถ้าเราไม่เอาคำเหล่านั้นมาใส่ใจ และเก็บมาคิดต่อ คำพูดเหล่านั้น ก็ไม่สามารถที่ จะทำอะไรเราได้เลย
ระยะเวลาเป็นตัวพิสูจน์
เรื่องบางเรื่องการอธิบาย หรือความพยายามที่ชี้แจง เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ในเรื่องราวที่เกิดขึ้น บางครั้งก็ไม่จำเป็น ยิ่งถ้าเกี่ยวข้องกับ เรื่องของการนินทา ที่เรื่อยเปื่อยแบบ ไม่มีที่สิ้นสุดปากต่อปาก แบบเมามันส์ สิ่งที่จะพิสูจน์ ได้ดีกว่าการแก้ไขตัวเอง คือ เวลา
เวลาจะทำให้เรื่องราว ทุกๆอย่างมันได้รับการแก้ไข ไปเองโดยที่เราอาจจะ ไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำไป และเราเองก็ยังสามารถเอาเวลาของเรานั้น ไปสร้างประโยชน์ให้กับเอง ให้กับสังคมได้มากกว่า แต่เราอาจต้องใช้ ความอดทนและความมั่นคงในจุดยืน ของตัวเองให้หนักแน่น และไม่หวั่นไหวไปตามแรง ลมปากของคนให้ได้
จงทำดี แต่อย่าเด่น จนเป็นภัย
หัวข้อนี้เป็นสำนวน ที่กล่าวถึง การกระทำใดๆของคนคนหนึ่ง ที่โดดเด่นมากเสียจน เป็นที่อิจฉาริษยา ของคนอื่นๆที่ได้พบเห็น มันอาจจะนำพาโชคร้าย มาสู่ตัวเราเองได้ สืบเนื่องด้วย มันไม่มีใครที่อยาก จะเห็นว่าคนอื่นนั้นดี หรือโดดเด่นไปกว่าตัวเองนั่นเอง
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกัน และทำให้เราสามารถปรับตัว และอยู่ในสังคมได้อย่างปลอดภัย จากเรื่องราว หรือเหตุการณ์ซึ่งเรา ไม่มีทางรู้ได้เลยว่า มันจะสามารถเกิดอะไรขึ้น กับเราได้บ้าง การรู้จักวางตัว ให้อยู่ในจุดที่ตัวเรา วางใจได้บ้าง จึงนับเป็นจุดที่ เราควรที่จะเรียนรู้ ถึงความสำคัญของ การแสดงออกในสังคม ที่ต้องอยู่ร่วมกัน
บทส่งท้าย
นินทาลับหลัง เพราะคิดว่าเค้าอาจจะไม่ได้ยิน คนบางคนอาจจะมองไม่เห็น ถึงผลที่มันจะตามมา จนกว่าตัวเองนั้นจะตกเป็นเหยื่อ ตกเป็นบุคคลที่เป็นเป้าหมาย ที่ถูกโจมตีด้วยคำพูด จากคนอื่นๆ จนเมื่อโดนเข้ากับตัวเอง นั่นแหล่ะก็จะเริ่มคิดได้ ว่าการกระทำที่ตัวเองนั้น กำลังทำอยู่มันไม่สมควร
คำพูด เป็นการสื่อสารที่มีความสำคัญ ถ้าเราใช้ให้มันถูกที่ถูกทาง ผู้พูดจะต้องรู้ว่า อะไรที่เราควรพูด เมื่อไหร่ที่เราต้องพูด และเราพูดไปเพื่ออะไร ที่สำคัญ ถ้าการพูดของเรานั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ เราก็ควรต้องรู้ว่า เราไม่จำเป็นต้องพูดหรือแสดงออกมา
เพราะเราไม่รู้หรอกว่า คำพูดของเรานั้น มันจะไปก่อให้เกิดโทษกับใครได้บ้าง และอาจจะทำให้บางคนยอมรับ ไม่ได้จนถึงขั้นระดับ ลงไม้ลงมือ ทะเลาะกัน เกิดปัญหาบานปลายจน แตกหักกันไปบ้างก็มี ดังนั้นควรที่จะต้องตระหนัก และระวังอยู่เสมอ อย่าประมาทในการใช้คำพูด ของตัวเราเอง
