4 วิธีคิดไม่ให้ขี้บ่น และถ้าจำเป็นต้องบ่นควรทำอย่างไร

4 วิธีคิดไม่ให้ขี้บ่น ที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ที่คนเราไม่ควรที่จะบ่น กับเรื่องต่างๆ ในชีวิตมากจนเกินไป เพราะการบ่นไม่ได้ส่งผลดีใด ๆ กับเราเลย และการที่คุณบ่นมากเกินไป มันอาจจะเป็นการทำให้คุณภาพชีวิตโดยรวมของคุณให้แย่ลงและยังทำลายพัฒนาการต่างๆได้

แต่ถึงกระนั้นพวกเราหลายๆคน ก็มักจะบ่นอยู่เป็นประจำ ซึ่งจากผลการวิจัย เรื่องการบ่นค้นพบว่า คนเราสามารถบ่นได้หนึ่งครั้งต่อนาที ต่อการสนทนาทั่วๆไป นักเขียน Will Bowen ผู้เขียนหนังสือขายดีของ ‘A Complaint-Free World’ ก็มีเขียนประเมินไว้ว่า คนทั่วไปสามารถบ่นได้ ประมาณ 15 ถึง 30 ครั้งต่อวัน

พฤติกรรมการบ่น ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนมองดูเหมือนคนๆนั้น กำลังจะเป็นบ้าเสียให้ได้ มันจะเป็นเรื่องที่ ไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าเมื่อเรามองไปรอบตัวเรา ก็จะพบเจอว่าสังคม ที่เราอยู่เป็นไป ในแบบเดียวกัน ที่จำเป็นจะต้องมี การเรียกร้องเพื่อเป็นรักษา ซึ่งสิทธิที่ ควรจะได้รับในสังคม ที่อยู่ร่วมกัน

พฤติกรรมการบ่นที่ เกิดมาจากความไม่พอใจ ความขุ่นมัวหรือแม้แต่ความโกรธ ที่เกิดอยู่บ่อยครั้ง ถือเป็นสัญญาณที่เราจะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง และการปรับปรุง ดังนั้นพฤติกรรม การบ่นจึงเป็น การแสดงออกที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นนิสัย ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง อย่างเร่งด่วน

เราไม่จำเป็นต้องหยุดพฤติกรรม ในการบ่นของเรา เนื่องจากการบ่น บางครั้งก็เป็นสิ่ง ที่ได้ผลดีเมื่อเราจำเป็น ต้องเรียกร้องสิทธิ์ ในสิ่งที่เราควรต้องได้รับ เพียงแต่ว่า เราจะต้องเรียนรู้ที่จะใช้การบ่น อย่างมีสติและควบคุมได้ และในขณะเดียวกัน

เราเองก็ต้องไตร่ตรอง และตระหนักถึงข้อดี และข้อเสียของนิสัยการบ่นนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นนิสัย ที่อาจสร้างสิ่งที่เป็นอันตรายต่อตัวเราเองได้

4 วิธีคิดไม่ให้ขี้บ่น 

1.นิสัยขี้บ่นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของคุณ

วิธีคิดไม่ให้ขี้บ่น

เรามาเริ่มต้นเหตุผล ที่ไม่ควรจะมีนิสัยขี้บ่น ด้วยเหตุผลที่ชัดเจนที่สุด ซึ่งในความเป็นจริงเหตุผลนี้ ชัดเจนมากจนถูกมองข้ามไป การบ่นไม่เพียงแต่จะทำให้ แก้ไขปัญหาที่มีอยู่ในมือ ไม่ได้แล้วนั้น แต่กลับทำให้การแก้ปัญหา มีความยุ่งยากวุ่ยวายมากขึ้นไปอีก

Antonio Damasio นักประสาทวิทยาผู้มีชื่อเสียงอธิบายไว้ ในหนังสือขายดีของเขาว่า “The Strange Order of Things” หน้าที่หลักของความรู้สึก คือ การรักษาสภาวะสมดุล กล่าวคือความสมดุล เป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญของสิ่งมีชีวิต

ด้วยเหตุนี้ พฤติกรรมที่มีจน เกินขนาดของการบ่น จึงเป็นการกระทำที่ผิดพลาดต่อ การแสดงออก ที่จริงแล้วการบ่น คือการแสดงออกซึ่งความบ้าคลั่ง เกินควบคุม และมันก็ยังทำให้ปัญหา ที่มีอยู่ในมือนั้นแย่ลงไปอีก

กี่ครั้งแล้วที่คุณ ได้ยินและได้เห็น หลายคนที่เอาแต่บ่นว่า ไม่มีเวลา ไม่มีความสามารถ หรือไม่มีพรสวรรค์ ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างเช่น การเรียนภาษา ยิ่งเอาแต่การบ่นมากเท่าไหร่ ก็เสียเวลามากเท่านั้น รวมถึงยังสร้างความต่อต้าน สร้าข้ออ้าง ที่เกิดจากภายในอีกด้วย

และที่แย่ที่สุดคือ คนขี้บ่นมักจะทำให้ตัวเองมัก ไม่ไปไหน และมักจะห่างไกล จากการเปลี่ยนแปลง ที่เป็นในเชิงบวกเสมอ

2. การบ่นแสดงออกให้เห็นได้ว่าคุณมีความคิดที่เป็นเชิงลบ

วิธีคิดไม่ให้ขี้บ่น

พฤติกรรมที่มีนิสัย ที่ชอบบ่นอยู่เสมอ ไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็ตาม มันแสดงให้เห็นซึ่ง แนวความคิดของคุณ ที่เป็นในด้านเชิงลบ เนื่องจากไม่พอใจ ต่อสิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่มี ต้องการที่จะ เรียกร้องอยู่ร่ำไป พฤติกรรมการบ่นที่บ่อย จึงเป็นการดึงดูดปัญหาต่างๆ เข้ามาใน ชีวิตคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ยังไปเสริมสร้าง ให้เกิดความเคยชิน จนทำให้สมองของเรา เชื่อว่านิสัยขี้บ่น ที่เป็นพฤติกรรมอันตรายนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา เราได้สร้างและปรับเปลี่ยน วิถีทางระบบประสาท สำหรับการบ่นให้เป็นเรื่อง ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากการบ่น ที่เรื้อรังและนานมากเกินไป

เมื่อคุณลองมองไปรอบ ๆ ในวงสังคมของคุณ ที่คุณรู้จัก มันเป็นเรื่องยาก ที่จะสร้างวิสัยทัศน์ เชิงบวกที่เกี่ยวกับอนาคตของคุณได้ เพราะการบ่นจนเป็นนิสัย ได้บล็อกพลังงานมหาศาล เพื่อกักกั้นความเจริญรุ่งเรือง ในชีวิตของคุณ

3. การมีนิสัยขี้บ่นสามารถทำให้คุณป่วยได้

วิธีคิดไม่ให้ขี้บ่น

ถ้าหากพฤติกรรมในการบ่น ที่ทำให้คุณอยู่ในแนวทางในเชิงลบ ที่กล่าวมาข้างต้น ที่เป็นผลมาจากการบ่น ยังไม่เพียงพอ ยังมีเหตุผลนึงคือ การบ่นมากเกินไปอาจจะทำ ให้สุขภาพร่างกาย ของคุณนั้นอ่อนแอลงได้

จากผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า การบ่นและความเครียด ที่เกิดขึ้นอาจทำให้ฮิปโปแคมปัส หดตัว ฮิปโปแคมปัส เป็นส่วนหนึ่งของสมองที่จำเป็นต่อการคิด อย่างชาญฉลาดและมีวิจารณญาณ การสร้างความเสียหาย ให้กับฮิปโปแคมปัส มากจนเกินไป เป็นสิ่งที่น่ากลัวเพราะ เป็นพฤติกรรมที่สร้างการทำลาย เมื่อคุณไตร่ตรองดีๆ การบ่นนั้นทำร้ายสมองส่วนเดียวกันที่ถูกทำลายโดย Alzheimer’s

และหากความเสียหาย ที่เกิดต่อสมองยังไม่เพียงพอล่ะก็ การบ่นมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย ของคุณได้อีก การบ่นจะกระตุ้นให้ ฮอร์โมนคอร์ติซอลหลั่งออกมา ซึ่งจะทำให้สมองของคุณเข้าสู่โหมด ของการต่อสู้หรือขาดสติได้

ในขณะที่คอร์ติซอล ทำหน้าที่ในการวิวัฒนาการ ที่จำเป็นเพื่อความอยู่รอด แต่ฮอร์โมนจากความเครียด ในระดับสูง และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะทำลายสุขภาพของคุณ เนื่องจากคอร์ติซอล จะเปลี่ยนเส้นทางออกซิเจนในเลือด และพลังงานออกไปจากอวัยวะทั้งหมด ที่จำเป็นต่อการระบบการทำงานโดยทันที

ผลกระทบเหล่านี้ จึงเป็นอันตรายเมื่อเวลาผ่านไป ผลกระทบระยะยาว ที่เป็นอันตรายของคอร์ติซอล ได้แก่ ความดันโลหิตสูงระดับน้ำตาลที่สูงขึ้น และระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคอ้วนโรคเบาหวาน และโรคหัวใจ

4. การมีนิสัยขี้บ่นจะทำให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา และคนดีๆก็จะไม่อยากเข้าใกล้คุณ

ไม่ทำตัวเป็นปัญหาจากนิสัยขี้บ่น

เอาล่ะตอนนี้มันควรจะชัดเจน พอสมควรแล้วว่าเหตุผลง่ายๆ ที่ทำไมไม่บ่นคือมันทำลาย ความสำเร็จในชีวิต และถ้าคุณเป็นคนที่เสพติดนิสัยขี้บ่น คนที่มีเหตุผล จะไม่อยากเข้าใกล้คุณ ดังนั้นคุณจึงถูกทิ้ง ให้อยู่กับกลุ่มคนที่ขี้บ่นเหมือนกัน ซึ่งช่วยกันเสริมสร้างนิสัย ที่ไม่ได้สร้างผลที่ดีเช่นนี้ ให้หายไปหรือลดลงได้ยาก

เพื่อให้คุณประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น คุณควรอยู่ท่ามกลางผู้คน ที่ประสบความสำเร็จ และในบรรดาผู้นำและผู้ประสบความสำเร็จต่างรู้ดีว่า การบ่นเป็นพฤติกรรม ของความคิดที่ไม่ดี ถ้าจะให้ดี ควรเลิกนิสัยขี้บ่นก่อน ที่จะมองหา บริษัทฯ เพื่อหางานทำในอนาคต

ก้าวข้ามความต้องการที่จะบ่นด้วยความรู้สึกขอบคุณต่อสิ่งๆต่างๆ

รู้สึกขอบคุณต่อส่ิงที่มีในชีวิต

วิธีที่ดีวิธีหนึ่งในลดสภาวะ ที่กระตุ้นให้เกิดการบ่น คือเปลี่ยนความสนใจ ของคุณไปยังสิ่งที่ คุณรู้สึกดีรู้สึกขอบคุณสิ่งอื่นๆที่มีคุณประโยชน์ ที่ดีต่อตัวคุณ การแสดงความขอบคุณแทนการบ่น ไม่เพียงแต่เป็นทัศนคติที่ดี กว่าในการใช้ชีวิตของคุณเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ ประโยชน์ด้านสุขภาพ และการปรับปรุงพัฒนาชีวิตที่จับเกิดได้จริง ฝึกความรู้สึกยินดีและขอบคุณทุกๆวัน ให้ดีที่สุดตั้ง โปรแกรมใหม่ของอคติด้านลบของสมอง โดยฝึกให้รับข้อมูลเชิงบวกมากขึ้น

นอกจากนั้นยังส่ง ผลให้ภาวะซึมเศร้าลดลง เมื่อมีอารมณ์เชิงบวกเพิ่มขึ้น และเมื่อมีความคิดที่ดีขึ้น คุณจะประสบความสำเร็จได้มากขึ้นโดย ไม่จำเป็นต้องบ่น อีกต่อไป

ฝึกวิธีการแสดงความยินดีหรือการขอบคุณต่อสิ่งต่างอย่างไร?

คุณลองเขียน 10 สิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ และใช้เวลาสักครู่ เพื่อใส่ความรู้สึกลงไป หรือคุณสามารถเขียน เพียงสามสิ่งและอธิบายอย่างละเอียด ประมาณ 2 ถึง 3 ประโยค ในแต่ละข้อ ซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกด้วยวิธีใด การปฏิบัติเพื่อแสดงความขอบคุณดังกล่าว โดยใช้เวลาอย่างน้อย ในแต่ละวัน ประมาณสิบนาที

หรือถ้าจะให้ดี ตอนที่คุณตื่นเช้า ลองทำเลยก็ดีนะ นึกถึงสิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณ อะไรก็ได้โดยประมาณ 10นาที แต่ถ้าไม่สะดวกเวลาอื่น ก็สามารถทำได้เช่นกัน หมั่นฝึกทำทุกวัน ทำเป็นประจำใหเป็นกิจวัตรได้ยิ่งดี

ผลที่ได้ในเชิงที่เป็นบวก จะขยายและส่งไปถึง สุขภาพร่างกายของคุณ เนื่องจากการปฏิบัติ เพื่อความรู้สึกขอบคุณเป็นแนวคิดที่ดี สามารถลดฮอร์โมนคอร์ติซอล ที่เกิดความเครียด ที่อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ จากการบ่นมากเกินไปให้ลดลงได้

วิธีการบ่นเพื่อร้องเรียน อย่างถูกต้องและเหมาะสม หากคุณจำเป็นต้องทำ

การบ่นและเรียกร้องอย่างถูกต้อง

ถึงแม้ว่าการบ่นหรือ การร้องเรียน จะไม่ได้แสดงถึงพฤติกรรม ที่ควรจะทำมากนัก แต่ถ้ามีสถานการณ์ ที่จำเป็นต้องได้รับความถูกต้อง และการร้องเรียนเป็นหนทางหนึ่ง ที่จะทำให้ได้รับ การรับอย่างยุติธรรม

เมื่อคุณต้องบ่น เพื่อแสดงออกซึ่งการร้องเรียน ก็ขอให้ทำโดยใช้แนวทาง ที่เน้นไปในทาง การแก้ปัญหาอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการระบายอารมณ์ แต่ปฏิบัติตามจุดประสงค์ ของการร้องเรียนว่าคืออะไร การมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนช่วยให้มั่นใจ ได้ว่าคุณจะไม่บ่นไปเรื่อยเปื่อย

เช่นเดียวกับสถานการณ์ใด ๆ ที่คุณอาจพบเจอในชีวิต มีเพียงสามทางเลือก ที่สมเหตุสมผล 1 คุณยอมรับสิ่งต่าง ๆ ตามที่เป็นอยู่ 2 คุณออกจากสถานการณ์ 3 คุณเปลี่ยนแปลงมัน

โอเคสมมุติว่าในเหตุการณ์นี้ ตอนนี้คุณเลือกที่ ต้องการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ดีขึ้น

สมมติว่าคุณสั่งอาหารจานโปรดในร้านอาหารที่คุณทานเป็นประจำ แต่วันนี้รสชาติของอาหารมันเค็มเกินไปดังนั้นคุณจะต้องเริ่มต้นการร้องเรียนของคุณด้วยคำพูดเชิงบวกที่จะไม่ทำให้พนักงานเสิร์ฟ เข้าสู่การป้องกันหรือการปฏิเสธทันทีโดย พูดว่า“ ฉันชอบมาที่นี่เพื่อทานอาหารอร่อย ๆ เสมอ”

จากนั้นให้รายละเอียดและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการร้องเรียนของคุณ แต่คุณอย่าพูดว่า“ วันนี้พาสต้าของฉันกินไม่ได้” แต่ให้คุณว่า“ ฉันกลัวว่าวันนี้ซอสจะเค็มจนไม่ใช่อาหารจานเดิมที่เคยทานอีกต่อไป”

สุดท้ายจบลงด้วยข้อความเชิงบวก เพราะสิ่งที่คุณต้องการคือการได้รับจานโปรดจานใหม่และรักษาบรรยากาศที่ดีตามที่คุณต้องการเพื่อมาที่ร้านอาหารที่เป็นร้าประจำของคุณ

หรือบางทีอาจพูดว่า“ ฉันเข้าใจว่าสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นได้ แต่ฉันจะขอบคุณมากถ้าคุณขอให้แม่ครัวเตรียมอาหารจานอื่นที่มีรสชาติตามปกติที่เคยทำให้ฉันทานจะดีกว่า” การมองโลกในแง่ดีไม่เพียง แต่ช่วยให้บริกรรักษาใบหน้าและตอบสนองในเชิงบวก แต่ยังอาจให้คุณได้รับของหวานฟรีอีกด้วย

เลิกนิสัยการบ่นอย่างถาวร

เลิกบ่นอย่างถาวร

แล้วต้องทำอย่างไรต่อไป?

เริ่มต้นด้วยการคิดไตร่ตรอง เหตุผลทั้ง 4 ประการที่ไม่ควรมี เสพติดนิสัยบ่น จนกว่าความตั้งใน การแก้ไขของคุณจะหนักแน่นเพียงพอ เพื่อที่คุณจะสามารถ เข้าใจระหว่างอารมณ์ ที่กระตุ้นให้เกิดการบ่น และปฏิกิริยาต่างๆ อย่างมีสติของคุณ ที่จะคิดได้ว่าจะไม่บ่น ไม่คุณจะเลือกว่าจะจากไป หรือเปลี่ยนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเอง

จากนั้นต่อไป เปลี่ยนอุปสรรคหรืออารมณ์ ที่กระตุ้นให้เกิดการบ่น ให้เป็นตัวเสริม ในการให้เกิดการกระตุ้น ให้เกิดการพัฒนา คุณสามารถทำได้โดยสร้างนิสัย ที่ชัดเจนซึ่งจะเปลี่ยนอารมณ์เชิงลบ (ตัวกระตุ้นการกระทำ) ให้เป็นตัวกระตุ้นเชิงบวกสำหรับการเติบโต เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

ขอใช้คำพูดนี้ของ Friedrich Nietzsche ซึ่งเป็นปราชญ์ด้าน Growth-Hacking คนแรกของโลก:

‘สำหรับมนุษย์เหล่านั้น ที่มีความกังวลใด ๆ สำหรับฉัน ฉันต้องการความทุกข์ทรมาน ความรกร้าง การเจ็บป่วย การปฏิบัติอย่างโหดร้ายความขุ่นเคือง – ฉันหวังว่าพวกเขาจะไม่คุ้นเคยกับการดูถูกตนเองอย่างสุดซึ้ง การทรมานจากความไม่ไว้วางใจในตัวเองความเลวทราม ของผู้สิ้นหวัง: ฉันไม่สงสารพวกเขาเพราะฉันหวังว่าพวกเขาจะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถพิสูจน์ได้ในวันนี้ว่าสิ่งหนึ่งมีค่าหรือไม่ – สิ่งนั้นยังคงอยู่ ‘

ทุกคนมีค่า มีตัวตน จงอยู่ยิ่งใหญ่กว่าเสียงบ่นหรือเสียงร้องเรียน และจงสร้างความเปลี่ยนแปลง ที่คุณอยากเห็นในโลกใบนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง
เสวนด์ เนลสัน
เสวนด์ เนลสัน
Writer, online entrepreneur, university lecturer. Guest contributor at www.tumdaina.com

Related Posts

Comments

อ่านจบแล้ว เป็น อย่างไร บ้าง ขอความคิดเห็นหน่อยจ้า

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่


Stay Connected

5,624แฟนคลับชอบ
6,783ผู้ติดตามติดตาม

Recent Stories