อารมณ์และความกลัว กับการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว ที่ยังไงซะก็ไม่มีวันที่ จะหนีพ้น การก้าวเดินออกมา จากจุดที่คิดว่าปลอดภัย ที่สุดในชีวิต เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใคร ที่ต้องการที่จะทำ แต่อะไรล่ะที่มัน เป็นสัญญาณ ที่บอกเรา พอเถอะ ลาออกเถอะ มันถึงเวลา ของเราแล้วจริงๆ
การเริ่มต้นใหม่ มันเป็นเรื่องที่เราก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า มันเหนื่อยเนอะ แต่จะทำยังงัยได้ ชีวิตคือการเดินทาง บางครั้งเส้นทางที่เรากำลังเดินอยู่ หรือสิ่งที่เรา กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน อาจจะไม่ใช่หนทางที่ดี และเหมาะสม กับเราก็เป็นได้
4 สัญญาณที่บอกว่า ลาออกเถอะ มันถึงเวลา ที่ต้องเปลี่ยนแปลง
เกิดสภาวะความไม่มั่นใจ และไม่มีความสุข กับสิ่งที่ทำอยู่
ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย หรือได้รับโอกาศให้ได้ทำ เมื่อมองกลับ ไปยังจุดเริ่มต้น ความตื่นเต้นความท้าทาย บวกความต้องการที่จะทำ ในสิ่งที่ตัวเองนั้น มีความสนใจและมั่นใจ ว่าสามารถทำได้ และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ มันเริ่มหายไป
เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ความรู้สึกดังกล่าวที่เคยมี มันเริ่มที่จะลดลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเกิดด้วย เหตุผลใดๆก็แล้วแต่ สิ่งแรกที่เราต้องนึกถึงคือ เราต้องเรียนรู้ ที่จะต้องแก้ไข และเปลี่ยนแปลง เพื่อตัวของเราเอง เพื่อชีวิตและ จิตวิญญาณของเรา ไม่ให้ถูกทำลายหรือบั่นทอน ไปมากกว่าที่เป็นอยู่
เปิดใจยอมรับ การเปลี่ยนแปลง และเริ่มมองหาโอกาศใหม่ๆ ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ ในเส้นทางชีวิต ของเราเองได้แล้ว อย่ายึดติด เพราะสุดท้ายแล้ว ชีวิตของคนเรานั้น จะต้องได้รับความสุข และเรามีหน้าที่ เติมเต็มสิ่งดีๆ ที่มีประโยชน์ให้กับชีวิตของเรา ในทุกๆวันๆ เพื่อให้คุ้มค่า กับลมหายใจที่เรามี อย่าหายใจทิ้งไปวันๆ กับเรื่องที่ ไม่สมควรจะต้องเอามาใส่ใจ หรือให้ความสำคัญ
สภาพสังคมรอบตัวเริ่มแย่ลง
สังคมสภาพแวดล้อมรอบตัว เริ่มเข้าสู่ภาวะที่ตึงเครียด และมีแนวโน้มที่จะ แย่ลงเรื่อยๆ บุคคลหรือกลุ่มคน ที่เราสามารถ ที่จะเปิดใจพูดคุย หรือมีความเชื่อใจ ที่จะแบ่งปันความคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะ เริ่มที่จะห่างหายกันไป หรือเริ่มที่จะเชื่อใจกันได้น้อยลง
เราจะใช้ชีวิตอยู่กับ สิ่งแวดล้อมแบบนี้ได้อย่างไร ในวิถีการใช้ชีวิต ที่อยู่ด้วยกัน แบบหวาดระแวง จะคิดจะทำอะไร ก็จะดูเป็นเรื่อง ที่ยุ่งยากมากขึ้น ลองคิดทบทวน ลองสัมผัส ความรู้สึกลึกๆ ของตัวคุณเองว่า คุณจะรู้สึกอย่างไร คุณจะเริ่มต้น ของแต่ละวัน ที่เต็มไปด้วยการรอคอยว่า เมื่อไหร่วันนั้นในหนึ่งวัน ของคุณจะหมดลงซักที
นี่ก็เป็นอีกสัญญาณ อีกอย่างที่ชัดเจน และสามารถบอกคุณ ได้เลยว่าคุณเริ่มที่ จะไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงแม้การลาออกอาจจะไม่ใช่ เป็นหนทางที่คุณนั้น ต้องการซักเท่าไหร่ แต่มันอาจจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด กับสถานการณ์ ที่คุณกำลังได้เจออยู่ก็เป็นได้
สภาวะที่อยู่แบบไร้ตัวตน ไร้ความหมาย
ทุกๆบทบาท หน้าที่ของแต่ ละคนล้วนมีความหมาย และมีความสำคัญ ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ สิ่งเหล่านี้หายไป ก็เท่ากับว่าทุกอย่างต่อจากนี้ ในทุกๆการกระทำของเรานั้น ไม่ได้มีค่า หรือส่งผลที่ดีต่อสังคม หรือต่อคนอื่นๆ เหมือนเช่นเคย
ซึ่งรวมถึงตัวตนของเราด้วย คุณยอมรับได้หรือไม่ ถ้าคุณนั้นต้องไปยืนอยู่ ในจุดที่คุณถูกมองว่า ไม่ได้มีความหมาย หรือความสำคัญอะไรเลย คุณยอมรับได้หรือไม่ ที่คุณจะถูกมอง เป็นอากาศธาตุ อยู่ตรงนั้นก็เหมือนไม่ได้อยู่ ไม่มีตัวตน เป็นเหมือนหัวหลักหัวตอ ที่มีอยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
อยู่ไม่ได้หรอกเอาจริงๆ แรกๆคุณอาจจะคิดว่า ไม่สนใจช่างมัน ก็ยังดีกว่าตกงาน ยังดีกว่าไม่มีเงินใช้ ทนๆไปเถอะเดี๋ยวทุกๆอย่างมันก็ดีขึ้น คุณคิดผิดแล้ว ถ้าคุณนำพาตัวเอง จนมาเจอกับ สถานการณ์แบบนี้ แล้วละก็มันสายเกินไปแล้วจริงๆ ทางเลือกเดียว ที่คุณพอจะทำได้ก็คือ ลาออกจ้า เอาตัวเองออกมา จากสภาวะแบบนี้โดยด่วน
ยิ่งอยู่ก็ยิ่งสร้างปัญหา
การดันทุรัง เพื่อตอบสนองความต้องการ ของตัวเองทั้งที่ ก็รู้ตัวเองดีว่า อยู่ไปก็ไม่ได้ช่วย ทำอะไรให้มันดีขึ้น มิหนำซ้ำกลับยิ่งสร้าง ปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้นอีก และที่สำคัญ ปัญหาเดิม ก็ยังไม่ได้รับ การแก้ไข กลับทำให้ทุกอย่าง เริ่มเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ
เปรียบเสมือน ผมที่เริ่มมีสังกะตัง ที่รุงรังจะแกะ ก็แกะได้ลำบาก จะรักษาทำให้อาการดัง กล่าวหายไปก็ต้อง พบเจอกับความเจ็บปวด ที่สำคัญอาการผม ที่เป็นสังกะตัง ในสถานการณ์นี้นั้น การแกะหรือการรักษา มันไม่ได้เกิด ผลกระทบแค่คนเดียวเท่านั้น มันเป็นอาการ ที่ส่งผลกระทบต่อ คนอื่นๆอีกมากมาย
คนอื่นๆเหล่านั้น ที่ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่ อะไรเลยกับ การกระทำของเรา แต่ต้องมาร่วมรับผิดชอบ พวกเค้าเหล่านั้น ต้องมาร่วมรับ กับความเจ็บปวด ในสถานการณ์ ที่เป็นสังกะตัง ที่มันยุ่งเหยิงจนไม่รู้ว่า ควรที่จะต้องแก้ไข ตรงไหนเพื่อผมที่เป็นสังกะตังนั้น กลับมามีสุขภาพที่ดีดังเดิม หรือไม่ก็กลับมา ที่จะใช้หวีได้สะดวกมากขึ้น
เมื่อคุณหมดหนทาง ที่จะทำให้ทุกอย่าง ให้มันดีขึ้นได้แล้วนั้น คุณควรรู้จัก การเสียสละผลประโยชน์ส่วนตัว และทำเพื่อคนอื่นอย่างจริงจัง การหลีกทางเพื่อเปิดโอกาศ ให้องค์กร ได้รับบุคคลที่เหมาะสม ได้เข้ามาแก้ไข และได้จัดการกับปัญหาที่มันเกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องที่คุณสมควร ที่ต้องทำอย่างยิ่ง
ซึ่งมันเป็นเรื่อง ดีกว่าแน่นอนกว่า ที่คุณจะยังดื้อ และไม่ยอมที่จะเปิดตาเปิดใจ ให้ได้รับรู้ว่า ความเสียหาย ที่มันเกิดขึ้นแล้ว และมันกำลังจะเกิดขึ้นอีกนั้น มันเลวร้ายมากมายเพียงใด มันส่งผลกระทบ ต่อคนอื่นๆอย่างไร อย่าทำร้ายกันไปมากกว่านี้เลย
อย่างน้อยคุณก็ได้ชื่อว่า คุณเคยเป็นคน ที่สำคัญคนนึง ที่เป็นตัวขับ เคลื่อนองค์กรนี้ แต่เมื่อถึงเวลา ที่ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณก็ต้องเรียนรู้ ที่จะเสียสละ เพื่อให้องค์ได้ มีการขับเคลื่อน และเติบโตไปพร้อมๆกับ สถานการณ์ ที่เปลี่ยนแปลง ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
บทส่งท้าย
เรื่องบางเรื่อง อะไรที่ลดละเลิก วางลงได้บ้าง ทำเพื่อคนอื่นๆ ที่อยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้ได้บ้าง เป็นเรื่องที่น่ายกย่อง และน่าสรรเสริญ เปรียบเสมือนเราได้สร้างหน้า เรื่องราวชีวิตของเราเอาไว้ ให้น้องๆรุ่นหลังได้ดูว่า เราได้สร้างประโยชน์ที่มีคุณค่า แก่การจดจำไป ในทางรูปแบบใด
ความจริงเป็นสิ่งที่เจ็บปวด แต่คนเราก็ต้องอยู่กับความจริง อะไรก็ตามที่ส่งผลกระทบ ไปถึงบุคคลอื่น ถ้าเกิดจากการกระทำของเราเอง คิดถึงคนอื่นให้มาก คิดถึงตัวเองให้น้อยลง แก้ไขและเปลี่ยนแปลงให้เร็ว เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม